เช็กเลย!! กรมแพทย์แผนไทยประกาศ "สมุนไพร" อัตลักษณ์ประจำจังหวัด คัดเลือกจากสมุนไพรพบมาก มีค่า พืชเศรษฐกิจ หรือหายาก เคาะแล้ว 57 จังหวัด คาดประกาศครบได้ใน 1-2 เดือน ลุยส่งเสริมปลูกแปลงใหญ่ เปิดช่องทำการตลาด-พีอาร์ ปั้นเป็นวัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดของจังหวัดที่ต้องเลือกไปทำผลิตภัณฑ์สมุนไพร สินค้า OTOP
เมื่อวันที่ 2 เม.ย. นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการส่งเสริมสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัด ว่า วันนี้ถ้ามีสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัด ก็จะหาเงินช่วยชาวบ้านในการปลูกให้เป็นแปลงที่ใหญ่ขึ้น ก็ต้องหารือกับทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ด้วย ตนมีเงินตรวจราชการอยู่ไม่มาก ก็บอก นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกว่า จังหวัดไหนที่มั่นคงแล้ว เป็นเอกลักษณ์ตัวที่เขาชอบ ก็หาพื้นที่ลองปลูกนำร่องหรือแจกกล้า เป็นการลั่นกระดิ่งให้เห็นว่าเราพร้อมที่จะเดินหน้าแล้ว ส่วนการส่งเสริมไปจนถึงการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์สุขภาพต่างๆ นั้น ก็จะต้องมาจัดทำแผนการส่งเสริม ซึ่งต้องทำแน่ ทำแบบดั้งเดิมไม่ได้ เราต้องหนีเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านเขาปลูก เราก็ปลูก ดังนั้นเราก็ต้องต่อยอดด้วย
ทั้งนี้ ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2567 เมื่อวันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมีนายสมศักดิ์เป็นประธาน ได้มีการจัดนิทรรศการแสดงเรื่องเมืองสมุนไพร และการส่งเสริมผลิตภัณฑ์สมุนไพร รวมถึง "สมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัด" ด้วย ซึ่งผ่านการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการด้านวิชาการกำหนดชนิดสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัดแล้ว 57 จังหวัด อยู่ระหว่างการพิจารณา 19 จังหวัด มีรายละเอียดดังนี้
ภาคเหนือ
เชียงใหม่ - กัญชง , แม่ฮ่องสอน - บุกไข่ , เชียงราย - ส้อมป่อย , ลำพูน - เปล้าใหญ่ , ลำปาง - กวาวเครือ , พะเยา - เพชรสังฆาต , แพร่ - กลอย , น่าน - มะแขว่น , ตาก - ขมิ้นชัน , สุโขทัย - เพกา , พิษณุโลก - ส้มซ่า , กำแพงเพชร - สมอพิเภก , เพชรบูรณ์ - ขิง และพิจิตร - ฟ้าทะลายโจร
ภาคอีสาน
กาฬสินธุ์ - ขมิ้นชัน , ขอนแก่น - คูน , ชัยภูมิ - เร่วน้อย , นครพนม - สมอไทย , นครราชสีมา - พรมมิ , บุรีรัมย์ - กระเม็ง , มุกดาหาร - ว่านกีบแรด , ยโสธร - โคคลาน , ร้อยเอ็ด - กำแพงเจ็ดชั้น , เลย - กระชายดำ , ศรีสะเกษ - หอม , สกลนคร - กัญชา , สุรินทร์ - โลดทะนงแดง , อุดรธานี - ข่า และอุบลราชธานี - บัวบกภาคกลาง
ชัยนาท - มะตูม , นครปฐม - กระชาย , นนทบุรี - หน่อกะลา , ปทุมธานี - บัวหลวง , พระนครศรีอยุธยา - ผักเสี้ยนผี , ลพบุรี - ฟ้าทะลายโจร , สมุทรปราการ - เหงือกปลาหมอดอกม่วง , สมุทรสาคร - เหงือกปลาหมอดอกขาว , สมุทรสงคราม - เกลือสมุทร , สุพรรณบุรี - ว่านพระฉิม , อุทัยธานี - คนฑา และอ่างทอง - ข่าตาแดง
ภาคใต้
กระบี่ - กระท่อม , ชุมพร - มะเดื่ออุทุมพร , ตรัง หัวร้อยรู และพริกไทย , นครศรีธรรมราช - จันทน์เทศ , นราธิวาส - คนที , ปัตตานี - ปลาไหลเผือก , พัทลุง - ไพล , ภูเก็ต - ส้มควาย , สงขลา - กระท่อม และสุราษฎร์ธานี - ขมิ้นชัน
ภาคตะวันตก
กาญจนบุรี - มะขามป้อม , ประจวบคีรีขันธ์ - ว่านหางจระเข้ , ราชบุรี - ขมิ้นอ้อย และเพชรบุรี - หัวเข่าคลอน
ภาคตะวันออก
จันทบุรี - กระวาน และพริกไทย และปราจีนบุรี - ฟ้าทะลายโจร
ด้าน น.ส.กมลทิพย์ สุวรรณเดช นักวิชาการสาธารณสุขชำนาญการ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เปิดเผยว่า แต่ละจังหวัดมีสภาพพื้นที่และนิเวศแตกต่างกัน การขึ้นหรือเกิดสมุนไพรแต่ละชนิดจะแตกต่างกัน คุณภาพคือสรรพคุณทางยาก็จะแตกต่างกัน จึงมาดูว่าแต่ละจังหวัด สมุนไพรชนิดไหนที่ปลูกแล้วได้คุณภาพทางยาที่ดี ก็จะส่งเสริมให้จังหวัดนั้นปลูกสมุนไพรชนิดนั้นๆ ซึ่งคณะอนุกรรมการด้าานวิชาการกำหนดชนิดสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัดได้พิจารณาแล้ว 57 จังหวัด เช่น อุบลราชธานี ปลูกบัวบกได้คุณภาพสารสำคัญสูง หรือขมิ้นชันที่เป็นตัวยาใช้เยอะในตำรับยาไทย สุราษฎร์ธานีและตาก มีงานวิจัยรองรับว่าขมิ้นชันจาก 2 จังหวัดนี้มีสารสำคัญสูง เราเลือกให้เหมาะสมสภาพพื้นที่และส่งเสริมต่อผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ต่อ ส่วนอีก 19 จังหวัดกำลังพิจารณาคาดว่าจะคัดเลือกได้ภายใน 1-2 เดือนนี้
สำหรับแนวทางในการพิจารณาเลือกสมุนไพรอัตลักษณ์ประจำจังหวัดนั้น เรากำหนดให้แต่ละจังหวัดที่รู้ข้อมูลพื้นที่ตัวเองดี คัดเลือกมาก่อนว่า สมุนไพรตัวไหนที่มีค่า มีการพบมาก เป็นพืชเศรษฐกิจ หรือพบหายาก มีคุณค่าทางวัฒนธรรมเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ส่งมาให้เรา เราก็จะมาดูว่าที่เลือกมาใช่หรือไม่ใช่ หรือเห็นว่าตัวไหนที่น่าจะเป็นสมุนไพรอัตลักษณ์มากกว่า ก้จะให้ข้อมูลทางด้านสารสำคัญ งานวิจัยเข้าไป อย่าง "หัวร้อยรู" เป็นสมุนไพรหายากของจังหวัดตรังและใช้ทางยารักษาโรคมะเร็ง มีเฉพาะในธรรมชาติเท่านั้น มีการปลูกที่ยากมาก เราจึงให้หัวร้อยรูเป็นสมุนไพรอัตลักษณ์ของตรัง ก็มีแผนว่าจะทำอย่างไรให้ลดการเก็บจากธรรมชาติแล้วหันมาส่งเสริมการปลูกทดแทนในธรรมชาติ
ถามว่าไม่ได้แปลว่าทั้ง 77 จังหวัดจะต้องออกมาเป็นสมุนไพร 77 ชนิด น.ส.กมลทิพย์กล่าวว่า ก็มีซ้ำกันได้ เช่น ขมิ้นชัน มีสุราษฎร์ธานีกับตาก ซึ่งมีความแตกต่างกันบ้าง อย่างสุราษฎร์ธานีจะมีสารเคอร์คูมินอยด์สูง แต่ตากจะมีส่วนของน้ำมันหอมระเหยที่สูง ก็จะต่างกันว่าเราจะเอาขมิ้นชันไปใช้ทางไหน บางจังหวัดก็มี 2 ชนิด เช่น ตรังมีหัวร้อยรูและพริกไทย ซึ่งพริกไทยของตรังมีคุณภาพดีมาก พอๆ กับของจันทบุรี ซึ่งเป็นแหล่งพริกไทยสำคัญที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศไทยอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ให้พริกไทยทั้งที่ตรังและจันทบุรี
ถามว่าเมื่อได้สมุนไพรประจำจังหวัดแล้วจะมีการต่อยอดส่งเสริมอย่างไร น.ส.กมลทิพย์กล่าวว่า เมื่อได้ครบแล้ว แต่ละจังหวัดเราจะให้เขากำหนดแผนในการผลิตสมุนไพรชนิดนั้นๆ ให้ได้ตามมาตรฐานของการปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดี จะทำให้ได้วัตถุดิบสมุนไพรที่มีคุณภาพ ก็จะสามารถส่งเสริมในการผลิตยาหรือผลิตภัณฑ์สมุนไพรต่างๆ ที่จะใช้ใน รพ.หรือจำหน่ายให้แก่ประชาชน โดยไปใช้วัตถุดิบสมุนไพรที่เป้นอัตลักษณ์ประจำจังหวัดนั้น เช่น ขิง เพชรบูรณ์ประกาศว่าคุณภาพดีที่สุด ผู้ประกอบการก็ไปที่เพชรบูรณ์ก็จะได้ขิงที่มีคุณภาพดีที่สุด
"การประกาศสมุนไพรประจำจังหวัดตรงนี้ก็จะเข้าไปช่วยส่งเสริมในเรื่องของผลิตภัณฑ์หรือสินค้า OTOP ของดีประจำจังหวัดได้อีกด้วย รวมไปถึงนำมาใช้ทำการตลาดและประชาสัมพันธ์สร้างจุดขายได้ เพราะเป็นการการันตีว่าดีที่สุดของเขา แม้จะยังไม่มีการทำตัวเลขคาดการณ์ว่า ผลลัพธ์จากเรื่องนี้จะไปช่วยกระตุ้นตัวเลขทางเศรษฐกิจหรือตลาดสมุนไพรมากน้อยแค่ไหน แต่กรมฯ เชื่อว่า จะช่วยเข้าถึงประชาชนเพิ่มขึ้นแน่นอน อย่างน้อยกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ทำอยู่แล้วเรื่องสมุนไพร ก็จะมีตลาดที่กว้างขึ้น มีแหล่งของโรงงาน ผู้ประกอบการ ที่จะส่งวัตถุดิบเข้าไปได้มากขึ้น เป็นการขยายตลาด" น.ส.กมลทิพย์กล่าว