กรมสุขภาพจิตขอบคุณทุกฝ่ายร่วมดูแลผู้ป่วยจิตเวชเข้ารักษา หลัง "ตั๊ก - นุ้ย" แจ้งตำรวจ ช่วยเฝ้าระวังผู้ป่วยจิตเวชที่มีสัญญาณเสี่ยงก่อความรุนแรง ย้ำ พ.ร.บ.สุขภาพจิต กำหนดให้มีการควบคุมตัวเข้ารับการรักษา ป้องกันอาการกำเริบ ขอคนในสังคมเข้าใจให้โอกาส
จากกรณีตั๊ก ศิริพร - นุ้ย เชิญยิ้ม โพสต์ข้อความกังวลในพฤติกรรมของผู้ป่วยจิตเวชที่อาศัยอยู่ในบริเวณที่พัก และมีการแจ้งความเพื่อลงบันทึกประจำวัน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปรับเรื่องร้องเรียนและตรวจสอบที่เกิดเหตุ และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจาก รพ.ด้านจิตเวชที่เกี่ยวข้องเข้าไปทำการติดตามและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด
เมื่อวันที่ 24 มี.ค. นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ต้องขอชื่นชมและขอบคุณทุกภาคส่วนที่ให้ความสำคัญในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ และโรงพยาบาลที่เกี่ยวข้องเข้าไปทำการติดตามและดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดในเวลาต่อมา ซึ่งประเด็นนี้แม้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายที่จะผลักดันผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติดเข้าสู่ระบบการดูแลรักษาต่อเนื่อง ให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตในชุมชนได้อย่างปกติ แต่มาตรการที่ควรดำเนินการควบคู่กัน คือ การกินยาอย่างต่อเนื่องของผู้ป่วย การเฝ้าระวัง และช่วยกันเป็นหูเป็นตาที่จะสังเกตพฤติกรรมเสี่ยง ได้แก่ ดื่มสุราและใช้ยาเสพติด ทำให้อาการกำเริบได้ ซึ่งสิ่งที่ประชาชนในพื้นที่จะร่วมกันเฝ้าระวังสามารถทำได้จากการสังเกตสัญญาณเตือนของบุคคลที่จะนำมาซึ่งความรุนแรง ได้แก่ 5 สัญญาณเตือนอันตราย คือ นอนไม่หลับ เดินไปมา พูดคนเดียว หงุดหงิดฉุนเฉียว และหวาดระแวง ที่บ่งบอกถึงความจำเป็นที่ต้องเข้ารับการรักษา
นพ.จุมภฏ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต ได้มีการกำหนดกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งตามมาตรา 22 บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตกรณีใดกรณีหนึ่งนี้ เป็นบุคคลที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา คือ 1.มีภาวะอันตราย และ 2. มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา โดยมาตรา 23 ผู้ใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา 22 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจโดยไม่ชักช้า และให้นำผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตส่งสถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยอาการ หากประชาชนท่านใดพบบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลทั่วไปที่แสดงอาการผิดปกติหรือมีอาการกำเริบ หากมีแนวโน้มความรุนแรงมากและเป็นอันตราย สามารถโทรแจ้งเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ/ฝ่ายปกครอง/เจ้าหน้าที่สาธารณสุข สายด่วนตำรวจ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่ต้องการรักษาและอาการไม่รุนแรง สามารถโทรขอคำปรึกษาสายด่วนสุขภาพจิต 1323
กรมสุขภาพจิต ขอให้ประชาชนทุกคนเข้าใจและให้โอกาสผู้ป่วยจิตเวช ให้สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นปกติ เพราะผู้ป่วยจิตเวชเป็นเพียงผู้ที่มีอาการการเจ็บป่วยชนิดหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถ หากได้รับการดูแลสนับสนุนและได้รับโอกาสดีๆ จากญาติ ผู้นำชุมชนและคนรอบข้าง ก็สามารถที่จะใช้ชีวิตตามปกติได้ และหากเมื่อใดที่มีอาการกำเริบ ให้นำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ปรับการรักษาก็จะทำให้คนในชุมชนและสังคมมีความสุขและปลอดภัย