กรมสุขภาพจิต ส่งกำลังใจหนุน“ขุนเดช” ศิลปินจิตเวชแต่งเพลงร้องเพลง ใช้ดนตรีบำบัดอาการตนเองจนดีขึ้น ย้ำโรคทางจิตเวชทุกโรค รู้เร็ว รักษาเร็ว รักษากินยาต่อเนื่อง ไม่เสพสารเสพติด พบแพทย์ตามนัด ช่วยใช้ชีวิตปกติ เน้นย้ำสังคมร่วมกันให้โอกาส ไม่ตีตรา ไม่ด้อยค่า
เมื่อวันที่ 20 มี.ค. นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า หลักการรักษาโรคทางจิตเวชทุกโรค คือ รู้เร็ว รักษาเร็ว รักษาต่อเนื่อง ทำให้ผลการรักษาดี ซึ่งส่งผลต่อการกลับสู่ความสามารถปกติของผู้ป่วย ในด้านความคิด การตัดสินใจ อารมณ์ สังคม การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวัน โดยครอบครัวต้องร่วมสอดส่องการมีอาการที่เป็นสัญญาณเตือนให้เข้าสู่ระบบการรักษาก่อนจะสายเกินไป กรมสุขภาพจิตให้ความสำคัญ และเน้นย้ำการป้องกันปัญหาของผู้ป่วยโรคจิตเวช โดยที่สำคัญคือ เพิ่มการเข้าถึงบริการรักษาโดยใช้ยา บำบัดทางจิต และฟื้นฟูสมรรถภาพ เพื่อคืนสู่ชีวิตปกติของเขา โดยทั่วไป ผู้ป่วยโรคจิตเวชส่วนใหญ่สามารถรักษาแบบผู้ป่วยนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้การดูแลของญาติหรือบุคคลใกล้ชิดที่บ้านและชุมชน โดยใช้ยาปรับสมดุลการทำงานของสารสื่อประสาทในสมอง ทำให้อาการทางจิตดีขึ้นหรือหาย สามารถใช้ชีวิตและทำงานได้
นพ.จุมภฎ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า กรณีของขุนเดช อายุ 44 ปี ศิลปินเพลงที่มีคลิปไวรัล 3 ล้านวิว แม้จะผู้ป่วยชายจิตเวชแต่มีความสามารถ แต่งเพลง ร้องเพลง และเล่นกีตาร์ได้อย่างมืออาชีพ อีกทั้งใช้ดนตรีบำบัดอาการให้กับตนเอง จนสภาพจิตดีวันดีคืนและรู้จักทำมาหากินโดยสุจริต ด้วยการรับจ้างอีกด้วย ซึ่ง 3 สิ่งสำคัญ ที่จะทำให้ผู้ป่วยจิตเวชไม่เกิดอาการกำเริบในระยะยาวนั้น คือ 1.กินยาต่อเนื่อง ไม่ควรหยุดเอง แม้อาการจะดีขึ้นแล้ว 2.ไม่ใช้สารเสพติดทุกชนิด เช่น เหล้า บุหรี่ ยาบ้า ฯลฯ และ 3.ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้งเพื่อปรับการรักษาให้สามารถชีวิตได้อย่างปกติ ทั้งนี้ต้องขอชื่นชมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ผู้นำชุมชน ที่ร่วมด้วยช่วยกันดูแล จนทำให้นายเดชมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในทางที่ดีขึ้น จนเป็นสนับสนุนและได้รับการต้อนรับอันดีจากสังคม
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ ที่ปรึกษากรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ผู้ป่วยจิตเวชแม้จะเป็นผู้ที่มีความบกพร่องทางสารสื่อนำในระบบสมอง แต่สมองเขาก็ไม่ได้เสียทั้งหมด ที่สำคัญการเจ็บป่วยดังกล่าวสามารถรักษาได้ ขอเพียงได้รับยาสม่ำเสมอและได้รับการติดตามดูแลจากทุกฝ่ายอย่างใกล้ชิด ซึ่งกลไกทางสังคมที่ทำให้พบเห็นความสามารถของบุคคลเหล่าได้นั้น ต้องชื่นชมทีมพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอที่นำโดย นายวิชาญ อิทธิฤกษ์มงคล นายอำเภอสมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ ที่ให้ความสำคัญในเรื่องของการดูแลเรื่องของสุขภาพจิต และติดตามคุณภาพชีวิตของศิลปินท่านนี้ เพราะสิ่งที่สำคัญคือความเข้าใจ ผู้ป่วยที่อาการดีขึ้นมีชีวิตจิตใจ ต้องการความรัก ความเข้าใจจากคนรอบ ๆ ข้างเพียงแต่สังคมแค่เข้าใจและให้โอกาสมากขึ้น สังคมเราจะปลอดภัยและน่าอยู่สำหรับทุกคน
กรมสุขภาพจิต ขอให้ประชาชนทุกคนเข้าใจและให้โอกาสผู้ป่วยจิตเวช ให้สามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ได้ในสังคมอย่างเป็นปกติ เพราะผู้ป่วยจิตเวชเป็นเพียงผู้ที่มีอาการการเจ็บป่วยชนิดหนึ่ง ไม่ได้หมายถึงเป็นผู้ที่ไร้ความสามารถ หากได้รับการดูแลสนับสนุนและได้รับโอกาสดี ๆ จากญาติ ผู้นำชุมชนและคนรอบข้าง ก็สามารถที่จะใช้ชีวิตตามปกติได้และหากเมื่อใด ที่มีอาการกำเริบก็นำส่งโรงพยาบาลเพื่อให้แพทย์ปรับการรักษาก็จะทำให้คนในชุมชนและสังคมมีความสุขและปลอดภัย