สบส. เตือน รพ.รัฐ-เอกชน ยื่นขออนุญาตรับรองมาตรฐานให้บริการ "เทคโนโลยีช่วยเจริญพันธุ์" ก่อนเปิดให้บริการ ต้องต่ออายุทุก 3 ปี ไม่ดำเนินการถือว่าผิดกฎหมายสถานพยาบาล และ กม.อุ้มบุญ
เมื่อวันที่ 14 มี.ค. นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวว่า ปัจจุบันทั่วประเทศมีสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานการให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จำนวน 115 แห่ง แบ่งเป็น ภาครัฐ 17 แห่ง และเอกชน 98 แห่ง ซึ่งเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ของประเทศไทยมีความก้าวหน้าและทันสมัยอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก มีอัตราความสำเร็จในการให้บริการตั้งครรภ์โดยเฉลี่ยสูงถึงร้อยละ 48.53 จึงเป็นจุดดึงดูดให้คู่สามีภรรยาที่ประสงค์จะมีบุตรทั้งชาวไทยและต่างชาติ เลือกเข้ารับบริการจากสถานพยาบาลของประเทศไทย แต่การจะให้บริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ไม่ว่าจะเป็นการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) หรือการตั้งครรภ์แทน จะต้องดำเนินการตามมาตรฐานที่ภาครัฐกำหนด เพื่อความปลอดภัยของผู้รับบริการ
ทั้งนี้ สถานพยาบาลที่มีความประสงค์จะให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ จะต้องยื่นแบบคำขอรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ (คทพ.8) กับ สบส. โดยหนังสือรับรองมาตรฐานฯ จะมีอายุ 3 ปี หากสถานพยาบาลแห่งใดมีการฝ่าฝืนไม่ขอรับรองมาตรฐานฯ ผู้ดำเนินการสถานพยาบาลจะเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ. 2541 มาตรา 34(2) ในฐานผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ไม่ควบคุมและดูแลให้ผู้ประกอบวิชาชีพในสถานพยาบาลปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายเกี่ยวกับการประกอบวิชาชีพของตน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ส่วนแพทย์ผู้ให้บริการจะเข้าข่ายการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ. 2558 มาตรา 44 ในฐานไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานในการให้บริการเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ตามมาตรา 15 ถือว่ากระทําการฝ่าฝืนจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม
ทพ.อาคม ประดิษฐสุวรรณ รองอธิบดี สบส. กล่าวว่า สถานพยาบาลที่ต้องการจะยื่นเรื่องขอรับรองมาตรฐานการให้บริการด้านเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์นั้น จะต้องมีคุณสมบัติดังนี้ 1.มีแพทย์ผู้รับผิดชอบที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นหนังสือ ซึ่งแพทย์ผู้รับผิดชอบสามารถเป็นผู้รับผิดชอบสถานพยาบาลได้เพียง 1 แห่ง 2.มีห้องเก็บไข่ ห้องปฏิบัติการอสุจิ และห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงตัวอ่อน มีเครื่องมือและอุปกรณ์การเตรียมอสุจิ ไข่ เพาะเลี้ยงและแช่แข็งตัวอ่อน และอุปกรณ์กู้ชีพที่พร้อมใช้งาน 3.มีหนังสือแสดงความยินยอมให้ผู้รับบริการ ผู้ตั้งครรภ์แทน ผู้บริจาคอสุจิหรือไข่ลงนามรับรองความสมัครใจ 4.มีบุคลากรตามประกาศแพทยสภากำหนด 5.มีคณะกรรมการควบคุมคุณภาพและจริยธรรม และ 6.มีระบบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ ที่เก็บรักษาไว้ในสภาพที่ตรวจสอบได้ ไม่น้อยกว่า 10 ปี ในกรณีที่ตั้งครรภ์แทนหรือใช้อสุจิ ไข่ หรือ ตัวอ่อนบริจาค เก็บไว้ไม่น้อยกว่า 20 ปี
ทั้งนี้ ผู้สนใจรับบริการเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันทางการแพทย์ สามารถตรวจสอบรายชื่อสถานพยาบาลที่ผ่านการรับรองมาตรฐานทั้ง 114 แห่งได้ที่เว็บไซต์กองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ (https://mrd.hss.moph.go.th/) ในหมวดข่าวสารการคุ้มครองเด็กฯ