กรมอนามัยยกร่าง พ.ร.บ.คุมอาหาร-เครื่องดื่มที่มีผลสุขภาพเด็ก เน้น "หวานมันเค็มสูง" ห้ามโฆษณา-ส่งเสริมการตลาด ลด แลก แจก แถม หวังปรับสูตรให้ผ่านเกณฑ์มาตรฐานโภชนาการถึงโฆษณาได้ เชื่อไม่ลิดรอนสิทธิ เหตุไม่ได้ห้ามกิน แค่ลดส่งเสริมให้เด็กกินจนอ้วน ป่วยโรค NCDs หลังใช้มาตรการอื่นเริ่มไม่ได้ผล เผยรับฟังความเห็นแล้วเมื่อกลางปี 66 จ่อเสนอเข้ากระบวนการออก กม.ต่อไป
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พญ.สายพิณ โชติวิเชียร ผอ.สำนักโภชนาการ กรมอนามัย กล่าวถึงการยกร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการตลาดอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็ก พ.ศ. ... ว่า สาเหตุของการยกร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะปัจจุบันพบปัญหาเรื่องโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (โรค NCDs) และโรคอ้วนที่มีมากขึ้นโดยเฉพาะในเด็ก โดยสถานการณ์โรคอ้วนในเด็กไทยอยู่ที่ 12-13% ยิ่งเขตเมืองก็ยิ่งพบมากขึ้น เพราะสภาพแวดล้อมที่ส่งผลให้เกิดขึ้น พ่อแม่ไม่มีเวลาเตรียมอาหารให้ลูกเอง ต้องพึ่งพาอาหารแปรรูป ทั้งที่ควรจะต้องลดลง เนื่องจากเคยมีการตั้งเป้าหมายก่อนปี 2560 ว่าเด็กอ้วนในวัยเรียนจะไม่เกิน 10 % แม้ที่ผ่านมาจะมีแก้ปัญหาด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ให้องค์ความรู้ ฉลากอาหาร และภาษีน้ำตาล แต่สถานการณ์โรคอ้วนในเด็กก็ยังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จึงจะต้องมีหลายๆ มาตรการทำร่วมกัน โดยประเทศไทยยังไม่มีมาตรการทางด้านกฎหมาย ทั้งที่เด็กไทยมีการบริโภคอาหารแปรรูปมาก และมีการโฆษณาหรือการส่งเสริมการตลาด ทำโปรโมชัน 1 แถม 1 ต่างๆ ทำให้โอกาสที่เด็กจะได้รับอาหารที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพก็มากขึ้น จึงมีการขับเคลื่อน คือ ยกร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวมุ่งเน้นในอาหารที่มีไขมัน โซเดียม และน้ำตาลสูง
“สิ่งที่ พ.ร.บ.นี้กำลังจะทำ คือ จะทำให้การโฆษณาและส่งเสริมการตลาดของอาหารและเครื่องดื่มที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพเด็กที่อายุต่ำกว่า 18 ปีลดลง ไม่ให้เด็กถูกส่งเสริมหรือกระตุ้นจากการตลาด และคาดหวังว่าผู้ประกอบการจะมีการปรับสูตร เพื่อทำให้ความหวาน ความมัน ความเค็ม ผ่านเกณฑ์มาตรฐานโภชนาการ (WHO Nutrient Profile Model) และเกณฑ์ผลิตภัณฑ์ทางเลือกสุขภาพของประเทศไทย เพราะผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์เหล่านี้สามารถโฆษณา ทำการตลาดได้ เป็นสิ่งที่ประชาชนทุกคนจะได้ประโยชน์จากการออกกฎหมายนี้” พญ.สายพิณกล่าว
พญ.สายพิณกล่าวว่า ร่างพ.ร.บ.ผ่านการทำประชาพิจารณ์ทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ เมื่อกลางปี 2566 มีการนำความคิดเห็นและข้อเสนอแนะมาพิจารณา โดยเฉพาะในข้อกังวลเรื่องการลิดรอนสิทธิจากการที่ไม่ให้ลด แลก แจก แถม เพราะผู้ใหญ่ก็กิน ซึ่งชี้แจงว่า ไม่ได้ห้ามใครกิน ไม่ได้ลิดรอนสิทธิแน่นอน แต่ต้องการทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม ผู้ผลิตหากต้องการให้โฆษณาและส่งเสริมการตลาดได้ ก็จะต้องปรับสูตร ทุกคนจะได้ประโยชน์ รวมถึงเรื่องการกำหนดอายุต่ำกว่า 18 ปีจะมากเกินไปควรจะเป็นเด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ตรงนี้เป็นเกณฑ์ที่อิงตามระดับโลก และผลิตภัณฑ์ที่ผ่านเกณฑ์โภชนาการยังสามารถโฆษณาและส่งเสริมการตลาดได้
“ได้หารือกับภาคอุตสาหกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อพิจารณาร่วมกันว่า ยังมีข้อไม่เข้าใจตรงจุดไหนและจะช่วยกันขับเคลื่อนประเทศอย่างไร หลังจากนี้เมื่อมีการปรับปรุงและเห็นชอบในหลักการร่วมกัน ก็จะนำเสนอผ่านทางกรมอนามัย ไปสู่การพิจารณาของปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และรมว.สธ.พิจารณานำเสนอเข้าสู่กระบวนการออกกฎหมายต่อไป” พญ.สายพิณกล่าว
ทั้งนี้ การประเมินผลิตภัณฑ์อาหาร ตามเกณฑ์มาตรฐานโภชนาการ โดยมีผลิตภัณฑ์ที่เข้าประเมินได้ 17,030 รายการ พบว่า ผ่านเกณฑ์ 11.9% ไม่ผ่านเกณฑ์ 88.1% และเกณฑ์ผลิตภัณฑ์ทางเลือกสุขภาพของประเทศไทย ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่าผลิตภัณฑ์อาหารนั้น ผ่านเกณฑ์มีปริมาณน้ำตาล ไขมันและโซเดียมที่เหมาะสม โดยผลิตภัณฑ์ที่เข้าประเมินผ่านเกณฑ์ 12% ไม่ผ่านเกณฑ์ 88%