หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมและผู้นำฝ่ายค้านแคนาดาเปิดหลักฐาน “รัฐบาลทรูโด” ปกปิดการวิจัยไวรัสที่แล็บในเมืองวินนิเพกร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จีน ซึ่งมีปัญหาความปลอดภัยจนต้องยุติโครงการ
เมื่อวันที่ 29 ก.พ.ที่ผ่านมา นายปิแอร์ ปัวลิเยร์( Pierre Poilievre) หัวหน้าพรรคอนุรักษ์นิยมแคนาดา (Conservative Party of Canada) และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรแคนาดาได้แถลงข่าว พร้อมเปิดเผยหลักฐานที่มีการรวบรวมมานาน 3 ปีกว่าเกือบ 4 ปี ซึ่งเขาอ้างว่า นายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา พยายามกลบเกลื่อนปกปิดความเชื่อมโยงระหว่างห้องปฏิบัติการจุลชีวะนิรภัยแห่งชาติระดับ 4 ที่เมืองวินนิเพกที่เป็นคลังข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อโรคและไวรัสและเป็นคลังตัวอย่างของเชื้อไวรัสเพื่อทำการวิจัยด้านอาวุธชีวภาพ
เอกสารหลักฐานที่รวบรวมมาได้เปิดเผยให้เห็นเรื่องราวทั้งหมดว่าทำไมนักวิจัยชาวจีน 2 คน จึงถูกให้ออกจากห้องปฏิบัติการจุลชีวะดังกล่าว ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการทำการวิจัยเกี่ยวกับโรคติดเชื้อที่อันตรายที่สุดชนิดหนึ่งของโลก ในเดือนกรกฎาคม 2562 ก่อนจะถูกสั่งยุติอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม 2564 หลังจากการรับรองความปลอดภัยของการวิจัยถูกยกเลิก
ขณะที่ หน่วยงานข่าวกรองด้านความมั่นคง(CSIS) และสำนักงานสาธารณสุขแคนาดา ได้ทำการสืบสวนสอบสวน พบว่านักวิจัยชาวจีนทั้งสองคน เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของแคนาดาอย่างมีนัยสำคัญ แต่รัฐบาลของนายทรูโดพยายามปกปิดเรื่องดังกล่าว
อนึ่ง รายงานก่อนหน้านี้ในสหรัฐฯ ตามกฎหมายความโปร่งใสของข้อมูล ได้พบว่า ก่อนหน้าการระบาดโควิด-19 สถาบันวิจัยไวรัสที่อู่ฮั่นได้รับความช่วยเหลือในการตั้งห้องปฏิบัติการชีวะนิรภัยระดับสี่ รวมทั้งความรู้และเทคโนโลยี จากสามประเทศด้วยกัน โดยฝรั่งเศสช่วยเหลือในการสร้าง แคนาดาส่งตัวอย่างไวรัสให้ และสหรัฐอเมริกาให้เงินทุน
โดยก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิด แคนาดาได้นำหลอดบรรจุตัวอย่างไวรัสอีโบลาหลายสายพันธุ์และไวรัสนิปาห์ จากสถาบันวินิเปกไปยังอู๋ฮั่น เพื่อเป็นโครงในการสร้างไวรัสใหม่
สำหรับประเทศไทยเองต้องมีความตระหนักในเรื่องละเอียดอ่อนของการทำธุรกิจ การได้รับทุนจากสหรัฐฯ ผ่านหน่วยงานต่างๆ USAID รวมทั้ง NIH CDC มาทาง partner international EcoHealth alliance ปัจจุบันหลายหน่วยงานหลัก ของประเทศไทย ยังคงมีการทำงานให้อยู่
โดยมีการส่งผ่านเงินจากตัวกลางของไทยเอง ไปยังหน่วยงานอื่น ทำการรวบรวมไวรัส จากค้างคาว ในตระกูลโควิด อีโบลา และนิปาห์ ทำการถอดรหัสพันธุกรรม เพื่อเลือกตัวที่มีคุณสมบัติที่จะก่อโรคได้ดีที่สุด โดยดีกว่าตัวที่ระบาดไปแล้วและมีการส่งข้อมูลไปยังเครือข่ายทั้งสถาบันวิจัยไวรัสอู่ฮั่น สถาบันที่สิงคโปร์และในสหรัฐอเมริกา
ทั้งนี้ ในระยะหลังสามารถหลีกเลี่ยงการส่งตัวอย่างไวรัสโดยตรง ซึ่งทำได้โดยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งตัวไวรัสและคัดเลือกตัวที่น่าจะทำให้เกิดโรคใหม่ที่ร้ายแรงกว่าเก่า และสามารถนำข้อมูลพันธุกรรมเหล่านี้มาปรับแต่งตามฐานข้อมูลเดิม และสามารถสร้างไวรัสในห้องปฏิบัติการได้เอง เป็นธุรกิจข้ามชาติ