สธ.เห็นชอบ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไปสำรอง "ยาฉีดจิตเวช" ดูแลผู้ป่วยจิตเวชเสี่ยงก่อเหตุรุนแรง 4.2 หมื่นคน พร้อมดันเข้าบัญชียาหลักแห่งชาติ ชงบอร์ด สปสช.พิจารณาหนุนค่าใช้จ่ายระหว่างรอบรรจุ ส่วน 30 บาทรักษาทุกที่เฟสสอง จ่อคิกออฟ "โคราช" ต้น มี.ค.นี้
เมื่อวันที่ 21 ก.พ. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูง สธ. ว่า ที่ประชุมเห็นชอบเรื่องการบริหารจัดการยา Long Acting Antipsychotic Injectable ซึ่งเป็นยาฉีดด้านจิตเวช เพื่อช่วยดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการรุนแรงไม่ยอมรับประทานยา โดยให้ รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป มีการสำรองยาไว้ใน รพ.เพื่อให้สามารถใช้ได้อย่างน้อย 3 เดือน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากยายังไม่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ไม่อยู่ในสิทธิหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จึงให้ดำเนินการบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยระหว่างดำเนินการให้เสนอบอร์ด สปสช. พิจารณาใช้เงื่อนไขเชิงนโยบาย สนับสนุนงบประมาณมาอุดหนุน
ทั้งนี้ จะใช้ยาดังกล่าวมาดูแลผู้ป่วยจิตเวชที่มีความเสี่ยงสูงก่อความรุนแรงต่อสังคม (SMI-V) ประมาณ 4.2 หมื่นคน แบ่งเป็น ประเภท V1 ทำร้ายตนเองด้วยวิธีรุนแรงมุ่งหวังให้เสียชีวิต 39.4% V2 ทำร้ายผู้อื่นด้วยวิธีรุนแรง/ก่อเหตุการณ์รุนแรงในชุมชน 20.3% V3 อาการหลงผิดมีความคิดทำร้ายผู้อื่นให้ถึงกับชีวิต มุ่งร้ายผู้อื่นแบบเฉพาะเจาะจง 18.8% และ V4 ก่อคดีอาชญากรรมรุนแรง 21.5%
นอกจากนี้ ยังรับทราบความก้าวหน้าการขับเคลื่อนนโยบายกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นช่วงไตรมาส 2 (Mid-Year Success 2024) มีรายงานผลความก้าวหน้าที่สำคัญหลายเรื่อง อาทิ 1.โครงการพาหมอไปหาประชาชน เฉลิมพระเกียรติฯ ดำเนินการแล้ว 16 ครั้ง ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการ 70,683 คน 2.โครงการดูแลสุขภาพพระภิกษุสงฆ์และสามเณร เฉลิมพระเกียรติฯ วันที่ 29 ก.พ. 2567 จะมีการลงนามความร่วมมือระหว่างกระทรวงสาธารณสุขกับสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) และเปิดโครงการดูแลสุขภาพพระสงฆ์ ณ วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) จ.อุทัยธานี โดยมีสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลรามราชวิรมหาวิหาร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ มีสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ เลขานุการสมเด็จพระสังฆราชเข้าร่วมงาน และจะเรียนเชิญ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานฝ่ายฆราวาส
"วันนี้ในที่ประชุมได้รับทราบเรื่องที่น่ายินดี คือ องค์การอนามัยโลกได้ออกใบประกาศรับรองให้ประเทศไทย เป็น 1 ใน 5 ประเทศแรกของโลกที่มีการกำจัดไขมันทรานส์ออกจากอุตสาหกรรมอาหาร ช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดี แสดงความรับผิดชอบต่อประชาชน และสร้างความน่าเชื่อถือของอาหารไทยที่ส่งออกไปยังต่างประเทศอีกด้วย" นพ.ชลน่านกล่าว
ถามถึงการคิกออฟระยะที่ 2 ของ 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว นพ.ชลน่านกล่าวว่า จะมีการคิกออฟต้นเดือน มี.ค. 2567 โดยเลือก จ.นครราชสีมา เป็นจังหวัดคิกออฟ ขณะนี้มีความพร้อมทั้ง 8 จังหวัดแล้ว