ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่
คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ปรากฏการณ์นี้ควรจะถือว่าเป็นเรื่องใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และประชาชนทั่วไปเริ่มได้รับรู้อย่างกว้างขวางโดยเฉพาะจากสื่อ YouTube ของ Dr. John Campbell ที่นำข้อมูลข่าวสารโดยที่มีหลักฐานอ้างอิงวิชาการอย่างรัดกุม (Part one : https://youtu.be/nLl69c46JK0?si=NzXljM-mE9WY0Y2Z Part two ;: https://youtu.be/-o20mtbsL7Q?si=VZZgMR2d34MlI5Sc)
ทั้งนี้ ใน ตอน ของ new disease หรือโรคใหม่ โดยที่เริ่มจาก มีการสัมภาษณ์คุณ John O’Looney (registered enbalmer) ซึ่งบริการทำศพผู้เสียชีวิต Milton Keynes Family Funeral Services ซึ่งได้พบว่ามีก้อนหรือลักษณะที่เป็นแท่งสีขาวอยู่ในท่อของเส้นเลือดขนาดใหญ่ และกลางในร่างกายของผู้ที่เสียชีวิต ในช่วงเวลาหลังจากการที่มีการให้วัคซีน mRNA ประชาชนทั่วไปในต้นปี 2021 และหลังจากนั้นในเวลาไม่กี่เดือนเริ่มพบคนเสียชีวิตซึ่งลักษณะต่างจากที่เคยเป็น กล่าวคือเป็นผู้ที่มีอายุน้อยและเสียชีวิตอย่างเฉียบพลัน (sudden death) หลังจากได้รับวัคซีน mRNA และต่างจาก การตายที่สามารถคาดการณ์ได้จากการเจ็บป่วยต่างๆ (expected death)
ลักษณะเช่นนี้ไม่เคยพบมาก่อนหน้าปี 2021 แม้จะมีการเสียชีวิตอย่างมากมายจากโควิดก็ตาม และแท่งย้วยขาว ยังคงพบต่อเนื่องมาจนกระทั่งในปี 2024
และพ้องกันกับ ข้อมูลที่ได้จากอีกหลายคณะไม่ใช่แต่ในประเทศอังกฤษเท่านั้นแต่รวมถึงเครือข่ายในสหรัฐอเมริกาซึ่งพบลักษณะเช่นเดียวกัน
ลักษณะของการจัดการศพจะมีขั้นตอนมากกว่าการชันสูตรของพยาธิแพทย์ ที่เป็นการตัดชิ้นเนื้อจากอวัยวะต่างๆ เพื่อไปดูเนื้อเยื่อทางกล้องจุลทรรศน์ แต่ในกรณีนี้เมื่ออวัยวะภายในมีการเคลื่อนย้ายออกไปแล้ว จะทำให้สามารถวิเคราะห์โครงสร้างของเส้นเลือดต่างๆในร่างกายได้ และในการคงสภาพศพ มีการฉีดยาเข้าในเส้นเลือดที่คอและเส้นเลือดที่ขาหนีบ โดยที่ฉีดไม่เข้าและต้องมีการดึงหรือดูดสิ่งที่อยู่ภายในเส้นเลือดออกมาโดยมีลักษณะเป็นคล้ายยางยืดหรือหนังสติ๊กสีขาวหรือ คล้ายเนื้อปลาหมึกหรือหนวดปลาหมึก (squid หรือ calamari) อยู่ในเส้นเลือดทั้งแดงและดำ และรูปร่างเหมือนกับแท่งเส้นเลือด และมีความยาวตั้งแต่ เป็นนิ้วหรือเป็นฟุต และมีความเหนียวโดยต้องใช้แรงดึงถึงจะขาดออกจากกัน และเป็นไปได้ที่จะขัดขวางทางเดินของเลือด
ลักษณะของเส้นหรือท่อน จะไม่เหมือนกับก้อนเลือดตามปกติที่อยู่ในเส้นเลือดในศพที่ยุ่ยและไม่ยืดหยุ่นเหนียวแบบนี้ และแม้แต่เมื่อล้างด้วยฟอร์มาลีนจะเป็นผิวขาวใส
ลักษณะเช่นนี้จะไม่เหมือนกับ white clot syndrome ที่พบในการฉีดวัคซีนแอสตร้าหรือเป็นผลแทรกซ้อนของการใช้สารกันเลือดแข็งตัวเฮพพาริน (thrombosis with thrombocytopenia syndrome) จากลักษณะลักษณะเหนียวกว่าและจากการวิเคราะห์จากหลายคณะพบว่ามีส่วนประกอบของไฟบริน (fibrin) และ เกร็ดเลือด (platelets) และโปรตีนซึ่งสันนิษฐานว่าอาจเป็นโปรตีนที่มีโครงสร้างเปลี่ยนไปคล้ายกับโปรตีนพิษบิดเกลียว เอมิลอยด์ (amyloid) ที่เรารู้จักกันดีในโรคอัลไซเมอร์ที่พบในสมองแต่ถ้าพบแทรกอยู่ในเส้นเลือดจะทำให้เส้นเลือดผิดปกติจนกระทั่งถึงแตกได้
ในกรณีของคุณ John ได้แจ้งไปถึงสำนักงานชันสูตรศพแม้กระทั่งจนถึงหัวหน้าสำนักงาน (Chief coroner of England) และคณะแพทย์
แต่ปรากฏว่าได้รับคำสั่งให้ไม่มีการเผยแพร่และไม่ให้มีการพูดถึง โดยให้ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ปกติที่พบในผู้ที่เสียชีวิตเท่านั้น และให้ปฎิบัติตามกฎหรือ นโยบายของรัฐบาลเท่านั้น และใช้คำว่า ถูก gaslight ว่ามีการจัดฉากที่จะให้คิดว่ามีความเข้าใจผิด จนกระทั่งถูกกล่าวว่า โกหก
ตอนถัดมา White clots common การให้ข้อมูลจาก Major Tom Haviland แห่ง United States Air Force และเป็น วิศวกร ผู้เชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์ และเป็น data scientist และ analyst โดยได้นำข้อมูลและรูปภาพ แท่งสายสีขาว จากผู้จัดการศพจากนานาประเทศในช่วงสามปีที่ผ่านมา โดย มีข้อมูลจากแพทย์ ท่านอื่น รวมทั้ง พยาธิแพทย์
และจากลักษณะที่พบ จากศพที่เสียชีวิตภายในช่วงเวลาหนึ่งถึง 2 ชั่วโมงเท่านั้น ดังนั้นจึงเป็นไปได้มากว่า อาจเป็นสาเหตุหนึ่งของการมีเส้นเลือดสมองอุดตันรวมทั้งมีหัวใจวายจากเส้นเลือดหัวใจตัน
ทฤษฎีที่อาจเป็นไปได้นั่นก็คือจากการที่ mRNA ในอนุภาคนาโนไขมันซึ่งในปัจจุบันทราบกันดีอยู่แล้วว่าไม่ได้หายไปจากต้นแขนที่ฉีดยาภายในสองถึงสามวัน ตามที่บริษัทวัคซีนได้ให้ข้อมูลไว้ แต่ ซึมเข้ากระแสโลหิตและเข้าเซลล์เนื้อเยื่อของทุกอวัยวะและสั่งให้เซลล์สร้างโปรตีนหนาม หรือ สไปค์โปรตีน ออกมาที่ผิวของเซลล์
ดังนั้นจึงถูกรับรู้ว่าเป็นศัตรูและมีความพยายามของร่างกายในการทำลายทำให้เกิดการอักเสบ
ดังนั้นในกรณีที่อยู่ที่ผิวชั้นในของเส้นเลือด จึงทำให้เกิดมีการอักเสบและมีการฟอร์ม โปรตีนที่มีโครงสร้างผิดรูป โดยรวมโปรตีนและสารเกี่ยวกับเลือดแข็งตัวเข้าไว้ด้วยกันและเกร็ดเลือด
และกลายเป็นแท่งสีขาวที่อยู่ในท่อของหลอดเลือดซึ่งจะค่อยๆ ใหญ่ขึ้น ซึ่งอาจใช้เวลาเป็นเดือน จนกระทั่งเลือดไม่สามารถไหลผ่านได้
จากการสำรวจพบว่าก้อนแท่งสีขาวพบลดลงจาก 30% ในช่วงปี 2022 ลงมาเป็น 20% ในช่วง 2023
การสำรวจล่าสุด worldwide enbalmer blood clot survey ( United States, Canada, United Kingdom, Australia) ที่ทำการสำรวจตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 ถึงมกราคม 2024 โดย Thomas Haviland
มี enbalmer ทั้งหมด 269 ราย และมีประสบการณ์การทำงานมากกว่า 20 ปี ถึง 137 คนและทำงานมา 11 ถึง 20 ปีเป็นจำนวนถึง 60 คนด้วยกัน
กล่าวโดยสรุปคือ มีประสบการณ์เฉลี่ยทั้งหมดคือ 15 ปี
ซึ่งสามารถที่จะวิเคราะห์ได้ว่าก้อนที่เกิดขึ้นนั้นเป็นของปกติหรือผิดปกติ
โดยทั้งหมดพบในช่วงประมาณกลางปี 2021 เป็นต้นมา จนถึงปัจจุบัน ทั้งสิ้น
โดยที่ในแต่ละคนนั้นจะทำการจัดการศพโดยเฉลี่ยปีละ 100 ศพ และมากสุดถึง 300 ต่อปี
ในปี 2023 มีถึง 73% หรือ เจ้าหน้าที่ 197 คน ที่พบแท่งยาวสีขาวนี้ในศพ และอีก 72 คนหรือ 27% ไม่พบ
ศพที่พบแท่งสีขาวจะมีประมาณ 20% ในปี 2023 โดยที่เฉลี่ยในปี 2022 อยู่ที่ 30%
แต่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดไม่พบลักษณะนี้ก่อนหน้าที่จะมีการระบาดของโควิดและก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
อย่างไรก็ตาม ยังขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ทำงานของเจ้าหน้าที่ โดยมีเจ้าหน้าที่หกรายพบลักษณะผิดปกติเช่นนี้ใน 81 ถึง 100% ของศพ
เจ้าหน้าที่ 11 รายพบ 61 ถึง 80% ของศพ
และ 29 รายพบ 41 ถึง 60% ของศพ
48 รายพบ 21 ถึง 40% ของศพและ 112 รายพบหนึ่งถึง 20% ของศพ
และนอกจากนั้นในปี 2023 ยังพบลักษณะของ micro-clotting/coffee grounds/dirty bloods ประมาณ 25% โดยที่พบน้อยกว่า 5% ก่อนหน้าโควิดและก่อนหน้าที่มีการใช้วัคซีนโควิด
ซึ่งลักษณะของลิ่มเลือดเล็กๆดูสกปรกเหล่านี้จะเกิดใน “เส้นเลือดเล็กหรือเส้นเลือดฝอย” ทำให้ขัดขวางการส่งผ่านเลือดและออกซิเจนไปยังเนื้อเยื่อต่างๆในร่างกาย รวมทั้งนัยน์ตาและสมอง
ในปี 2023 เจ้าหน้าที่พบมีทารก ตายในครรภ์ ตายคลอดเพิ่มขึ้น 25% ก่อนหน้าปีการระบาด
ประการที่สำคัญอีกอย่างก็คือ คนที่เสียชีวิตด้วยลักษณะของก้อน ขาวผิดปกติหรือก้อนขนาดเล็กที่ดูสกปรก ในเส้นเล็กหรือฝอย พบได้เพิ่มขึ้นทุกอายุ ตั้งแต่อายุหกปีขึ้นไปจนกระทั่งถึง 35 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ไม่ควรพบโรคทางเส้นเลือดมากขนาดนี้ และพบสูงขึ้นจนกระทั่งถึงอายุ 50 ปี สำหรับอายุที่สูงมากกว่านี้ แม้ว่ามี
โอกาสการเสียชีวิต จากโรคทางเส้นเลือดอยู่แล้วแต่ก็ยังพบก้อนผิดปกติ เหล่านี้ เพิ่มขึ้นมากกว่าธรรมดา
และก็เช่นเดียวกัน ในสหรัฐอเมริกา มีการพยายามปิดข้อมูลข่าวสารเหล่านี้
และใน 2 ตอนต่อไป คือ White clots USA โดยมีคุณ Richard Hirschman จาก Alabama โดยเป็นคนแรกๆ ที่พบก้อนแท่งสีขาวเหล่านี้ในศพ โดยยืนยันเช่นกันว่าลักษณะดังกล่าว พบในช่วงระยะเวลาเกือบกลางปี 2021 โดย ไม่พบก่อนที่จะมีการใช้วัคซีนโควิด mRNA และไม่พบ ในช่วงที่มีโควิดระบาด
นอกจากนั้นได้ให้ข้อมูลหลักฐานว่าลักษณะของแท่งหรือก้อนสีขาวยังสามารถพบได้ในคนที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนและยังมีชีวิตอยู่โดยก้อนสีขาวเหล่านี้อยู่ในท่อที่ระบายน้ำจากช่องท้องโดยที่ปลายท่ออยู่บริเวณตับอ่อน และข้อมูลที่ให้เหมือนกับ
รายอื่นๆ ที่ให้ข้อมูล
กล่าวคือผู้ป่วยที่มีอาการของหัวใจวายที่ไม่สามารถทำการช่วยเหลือหรือผ่าตัดได้ทันขณะที่จะเสียชีวิตนั้นสามารถที่จะลากแท่งสีขาวดังกล่าวออกจากเส้นเลือดที่ไปยังหัวใจและสมองได้
ลักษณะทั้งหมดที่ได้จากอังกฤษและสหรัฐ มีข้อมูลก่อนหน้าจากศาสตราจารย์ที่มีชื่อเสียงทางพยาธิวิทยา คือ Professor Arne Burkhardt และ Walter Lang ของเยอรมนีได้ทำการชันสูตรศพอย่างน้อยจำนวน 15 รายอย่างละเอียดและพบว่ามีโปรตีนหนาม จากวัคซีนสอดแทรกอยู่ในทุกอวัยวะและเกิดการอักเสบของเส้นเลือดต่างๆในทุกขนาด และลักษณะของโปรตีนเหล่านี้สะสมอยู่ที่ผิวด้านในของเส้นเลือด และอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เกิดมีก้อนสีขาวลักษณะเหล่านี้เกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้เป็นลักษณะใหม่ที่เกิด และเป็นปัจจัยหนึ่งที่อาจจะอธิบายกลไกผลกระทบของวัคซีนได้