xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่าย ปชช.จ่อบุกประชุมบอร์ดนโยบายเหล้า 19 ก.พ.นี้ หวั่นพลิกแพลงขยายเวลาขาย "น้ำเมา" จ่อยื่นศาลปกครองตีความขัด รธน.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เครือข่ายค้านน้ำเมาเตรียมบุกพบ บอร์ดนโยบายแอลกอฮอล์ชาติ หวั่นพลิกแพลงขยายเวลาขายเหล้า ไม่สนใจเสียงประชาชน ย้ำต้องศึกษาผลกระทบก่อน โดยเฉพาะพื้นที่นำร่อง จากเปิดผับตี 4 จ่อยื่นศาลปกครองหลังรัฐบาลออกนโยบายไม่ได้ศึกษาผลกระทบ

เมื่อวันที่ 15 ก.พ. นายธีรภัทร์ คหะวงศ์ ผู้ประสานงานภาคีป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กล่าวภายหลังทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการควบคุมเคร่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ยังไม่มีการขยายเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่จะให้คณะกรรมการนโยบยเครื่องดื่มแอลกอฮอลืแห่งชาติพิจารณาวันที่ 19 ก.พ.นี้ ว่า ต้องขอบคุณคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ยืนหยัดในหลักการและเห็นถึงความเป็นไปไม่ได้ในเรื่องนี้ เห็นถึงสิ่งที่ไม่มีประโยชน์ จากการขยายเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และโยนคำถามกลับไปที่รัฐบาลว่า ต้องศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้น กับข้อดีต่อเศรษฐกิจ ดังนั้น ต่อไปก็ต้องไปลุ้นกันที่คณะกรรมการนโยบายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แห่งชาติ แต่เราคุยกันในเครือข่ายว่าจะมีการไปพบกับคณะกรรมการนโยบายฯ ที่จะมีการประชุมในวันที่ 19 ก.พ.นี้ ที่ทำเนียบรัฐบาล เพราะเราก็กังวลว่า จะมีความเป็นไปได้ที่เขาจะพลิกแพลงไปเป็นแบบอื่นได้ อย่างเรื่องนโยบายขยายเวลาเปิดผับได้จนถึงตีสี่ สังคมก็เห็นเป็นเอกฉันท์ว่าไม่เห็นด้วย แต่กลับประกาศออกมาได้

“เราต้องไปแสดงพลังให้รัฐบาลเห็นว่า อาจจะต้องฟังเสียงประชาชนให้มากขึ้น ฟังผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ผู้ได้รับใผลกระทบให้มากขึ้น ถ้ายืนยันที่จะทำเรื่องนี้โดยไม่ฟังเสียงประชาชนเลย เราเองก็กำลังดูความเป็นไปได้ที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการทางศาลปกครอง” นายธีรภัทร์ กล่าว


เมื่อถามถึงความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการศาลปกครอง นายธีรภัทร์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาหาแนวทางกันอยู่ เพราะตามรัฐธรรมนูญมาตรา 58 พูดถึงการที่รัฐจะออกนโยบายอะไรก็ต้องดูแล และคุ้มครองสุขภาพประชาชน ดังนั้นฝ่ายกฎหมายอยู่ระหว่างศึกษาเนื้อหาสาระ หากรัฐบาล ยังเดินหน้าต่อโดยไม่ได้ศึกษาผลกระทบ ข้อดี ข้อเสียที่ชัดเจน ก็คิดว่า อาจจะต้องยื่นศาลปกครองตีความวินิจฉัยว่า การทำแบบนี้ขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่

เมื่อถามว่า รัฐบาลระบุว่า นโยบายดังกล่าวจะใช้ในพื้นที่นำร่องเท่านั้น นายธีรภัทร์ กล่าวว่า พื้นที่นำร่องเดิมนั้น ตนก็อยากให้สรุปออกมาก่อนว่า ที่ทำมานั้นประโยชน์ที่ได้รับนั้นเป็นอย่างไรบ้าง แล้วอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น คนตายเพิ่มขึ้นในพื้นที่นั้น เมื่อเปรียบเทียบช่วงก่อนขยาย กับที่ขยายแล้วพบว่ามีความชัดเจน ดังนั้นการที่บอกว่าจะขยายในพื้นที่นี้ก็ต้องถามกลับว่า ประโยชน์มันอยู่ตรงไหน จริงๆ เรากังวลว่า พอบอกว่าจะนำร่องเป็นบางพื้นที่แล้ว จะมีการขยายไปทั้งประเทศ เพราะในอีกมุมถ้าขยายแล้วมีกลุ่มหนึ่งเปิดได้ตีสี่ อีกกลุ่มหนึ่งได้แค่ตีสอง มันก็ลักลั่นกัน ดังนั้นรัฐบาลต้องชัดเจนว่า มีข้อดีอย่างไร ประชาชนได้อะไร เรื่องนี้มีกฎหมายหลายฉบับให้ทันสมัย เช่น กฎหมายสถานบริการ ต้องให้ทันสมัย เจ้าหน้าที่สามารถปฏิบัติได้จริง

“ต้องเปรียบเทียบให้เห็นข้อดี หรือรายได้ทางเศรษฐกิจที่ได้รับมา เราก็อยากเห็นตัวเลขว่าได้มาอย่างที่โม้หรือไม่ แต่ตัวเลขคนตาย ก็เห็นอยู่ว่าตายเพิ่มขึ้นชัดเจน” นายธีรภัทร์ กล่าว

นายธีรภัทร์ กล่าวต่อว่า เราเองก็รับฟังทุกกลุ่ม ทั้งแรงงาน ทั้งคนที่ดื่ม คนที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงแนวทางในการแสดงความเห็นในการคัดค้านนโยบายเพิ่มเวลาขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยในพื้นที่ต่างจังหวัด ทางเครือข่ายเยาวชน เครือข่ายผู้ได้รับผลกระทบจากแอลกอฮอล์ก็ได้มีการไปยื่นศูนย์ดำรงธรรม ยื่นต่อทางจังหวัด ดังนั้นตนก็ขอเชิญชวนว่า พื้นที่ไหนที่ไม่เห็นด้วยกับมาตรการนี้ก็ออกมาแสดงพลังของตัวเองว่าไม่เห็นด้วย ทั้งนี้ไม่จำเป็นว่าท่านจะดื่ม หรือไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แค่เห็นว่านโยบายนี้มีปัญหาก็สามารถออกมาคัดค้านได้


กำลังโหลดความคิดเห็น