วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ออกประกาศว่าด้วยตราสัญลักษณ์ใหม่ ในโอกาสที่ปี 2567 เป็นปีแห่งการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 ของการก่อตั้ง ด้าน "ดร.อทิตย์" ให้พรอันเป็นสิริมงคล ขอให้มุ่งมั่นดำเนินภาระกิจให้สำเร็จยิ่งขึ้นต่อไป
วันนี้(11 ก.พ.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก "ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์" เกี่ยวกับประกาศว่าด้วยตราสัญลักษณ์ใหม่ของวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ดังนี้
เนื่องในปี ๒๕๖๗ เป็นปีแห่งการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ ๓ ของการก่อตั้งวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเป็นการสมควรปรับปรุงตราสัญลักษณ์ประจำวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตใหม่ โดยอาศัยมติเห็นชอบของคณะกรรมการบริหารวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลรังสิต ซึ่งได้รับเกียรติในการออกแบบตราสัญลักษณ์ใหม่โดยผู้ช่วยศาสตราจารย์ศิริ หนูแดง อาจารย์ประจำสาขาออกแบบนิเทศศิลป์ วิทยาลัยเพาะช่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ ผู้มีผลงานที่มีชื่อเสียงและเกียรติประวัติมากมายเป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งได้เคยรับรางวัลชนะเลิศการออกแบบตราสัญลักษณ์งานเฉลิมเพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙
โดยตราใหม่ของวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต มีรายละเอียดดังนี้
ไม้คทา หมายถึง อำนาจความรุ่งเรือง การป้องกันภัย และการมีสุขภาพกายที่ดี
พญานาคและมังกร พันอยู่รอบคฑาจากด้านล่างขึ้นด้านบน หมายถึง ความทรงพลัง การคงไว้ซึ่งความรู้และปัญญา โดยกำหนดให้พญานาคใช้สีเขียว และมังกรใช้สีทอง เป็นสัญลักษณ์ตัวแทนของภูมิปัญญาการแพทย์แผนตะวันออก โดยพญานาคเป็นตัวแทนการแพทย์แผนไทย การแพทย์อายุรเวท และการแพทย์พื้นบ้าน ในขณะที่มังกรเป็นตัวแทนการแพทย์แผนจีน และเริ่มต้นประกาศใช้ในปีมะโรงอันเป็นปีที่สอดไปกับทั้งมังกรและพญานาค
ไฟ ถูกพ่นมาจากปากพญานาคและมังกรที่ เงยหน้าร่วมกันจุดไฟให้แสงสว่างของปัญญาไปที่ยอดคฑา อันหมายถึงภูมิปัญญาการแพทย์แผนตะวันออก อันเป็นการทำงานด้วยความสามัคคีช่วยกันให้ความรู้สร้างบุคลากร เพื่อทำนุบำรุงส่งเสริมศาสตร์การแพทย์แผนตะวันออกให้ดำรงอยู่ตลอดไป
ปีกนกฟินิกส์ ๒ ปึก มาจากการจุดไฟจากปากของพญานาคและมังกร จนกลายมาเป็นปีกนกฟีนิกส์ มีความหมายเป็นความแข็งแรงและกล้าหาญ ขยันขันแข็งและว่องไว เป็นพลังแห่งการรักษา ชุบชีวิต การเกิดใหม่ ด้วยจิตอันบริสุทธิ์ ด้วยภูมิปัญญาการแพทย์แผนตะวันออก และเป็นอมตะ
ฐานคบเพลิง อยู่บนยอดสุดของคฑา หมายถึง การเป็นฐานความรู้เพื่อจุดไฟแสงสว่างของปัญญาสู่สังคมและมนุษยชาติ โดยคบเพลิงนี้ลดรูปจากลายเทพพนม หมายถึง การไหว้ และดอกบัว อันมีความหมายถึง เป็นแหล่งความรู้ที่มาพร้อมกับฐานของคุณธรรรม และจรรยาบรรณแห่งวิชชาชีพ
ตรามหาวิทยาลัยรังสิต อยู่บนยอดของฐานคบเพลิง เป็นสัญลักษณ์ของความสว่าง เป็นสถาบันอุดมศึกษา ซึ่งมีความเป็นเลิศทางวิชาการ ส่งเสริมการพัฒนาความรู้ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ความใส่ใจกับการเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ผนวกเข้ากับคุณธรรมและจิตสำนักอันดีงาม เพื่อสรรค์สร้างความเจริญก้าวหน้าแก่ประเทศชาติ เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่สาดส่องพรายแสงแห่งปัญญา นำมรรคาเยาวชนสู่สภาวะรู้แจ้งในธรรม เพื่อเป็นพลังสร้างสรรค์สังคมธรรมาธิปไตย ที่ถือธรรมเป็นใหญ่ ยึดความถูกต้องเป็นหลัก ซึ่งมีองค์ประกอบคือ โลกุตระ และดวงอาทิตย์ โดยโลกุตระ หมายถึง จุดมุ่งหมายอันสูงส่งของมวลมนุษย์ คือการบรรลุสภาวะความรู้แจ้งในธรรม โดยมีปัญญาเป็นแสงส่องทางสู่การบรรลุธรรมขั้นสูงสุด ในขณะที่ดวงอาทิตย์ หมายถึง ดาวพระเคราะห์ที่ให้แสงสว่างส่องมายังโลก เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์ สรรพสัตว์ พืชพันธุ์ธัญญาหาร และสิ่งมีชีวิตทั้งมวล
สัดส่วน องค์รวมของของความกว้างและความสูงของรูปลักษณะภายในวงกลมมีสัดส่วนความกว้างต่อความสูงเป็น 1:1.618 ซึ่งเป็นสัดส่วนทองคำอันเป็นสัดส่วนมาตรฐานใช้วัดความสวยงามของสิ่งต่างๆ บนโลก ตามทฤษฎีของนายลีโอนาโด ฟีโบนัชชี นักคณิตศาสตร์ชาวอิตาลี
วงกลมสึแดงเป็นฐาน หมายถึง “พระอาทิตย์” หรือ “ตะวัน” อันเป็นสีตามชื่อของวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก เป็นสถานศึกษาที่เป็นแหล่งความรู้และขุมพลังแห่งปัญญาด้านการแพทย์แผนตะวันออก
คฑาและตรามหาวิทยาลัยรังสิตสีทอง มีความหมายถึง สีของบุคคลที่ได้ผ่านการศึกษาและความรู้เป็นผู้มีคุณค่าด้วยความสำเร็จ ความรอบรู้ ความมั่นใจ ชัยขนะ คุณธรรม และความเมตตา
แถบวงกลมภายนอก สีเขียวมีความหมายถึง ธรรมชาติ ชีวิต มนุษยชาติ การเริ่มต้น การเจริญงอกงามและอุดมสมบูรณ์ ความสมดุลทางกายและใจ เพื่อสังคมและส่วนรวม
ตัวอักษร ตราภาษาไทยในแถบวงกลมสีเขียวด้านนอก ด้านบนมีข้อความว่ามหาวิทยาลัยรังสิต ด้านล่างมีข้อความว่าวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ตราภาษาอังกฤษด้านบนมีข้อความว่า RANGSIT UNIVERSITY และด้านล่างมีข้อความว่า COLLEGE OF ORIENTAL MEDICINE
ประกาศใช้ ณ วันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ เป็นต้นไป
ด้าน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีกิตติคุณมหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต และผู้ก่อตั้งวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ให้พรอันเป็นสิริมงคลยิ่งเนื่องในโอกาสครบรอบ 3 ทศวรรษ วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกฯ ดังนี้
“เนื่องในโอกาสครบรอบการเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 ที่มหาวิทยาลัยรังสิตได้บุกเบิกฟื้นฟูภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและผนึกพลังกับการแพทย์แผนจีนและอินเดียรวมพลังและตั้งเป็น "การแพทย์แผนตะวันออก" Oriental Medicine เป็นครั้งแรกในโลก ด้วยการปรึกษาหารือและสนับสนุนจากรัฐมนตรีสาธารณสุขจีน มหาวิทยาลัยการแพทย์จีนและรัฐบาลอินเดีย และได้ก่อตั้ง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกขึ้นในมหาวิทยาลัยรังสิต ได้นำเอาภูมิปัญญาทางการแพทย์ของบรรพบุรุษที่มีคุณค่ายิ่งต่อมนุษยชาติมาสืบสานศึกษาวิจัยต่อยอดให้เกิดประโยชน์ต่อไปอย่างแท้จริงอย่างหาค่ามิได้
วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกได้ดำเนินการ ส่งเสริมเผยแพร่ต่อยอดภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนคะวันออกได้สำเร็จลุล่วงไปอย่างน่าภาคภูมิใจในระยะเวลาไม่นานนัก ได้สร้างความยั่งยืนมั่นคงแก่ชีวิตผู้คนในด้านสุขภาพและเป็นพลังอำนาจละมุนที่แปรเป็นพลังทางเศรษฐกิจและสังคมแก่ชาติไทยเป็นอย่างมาก
ในโอกาสอันเป็นมงคลนี้ ขอให้วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกจงมุ่งมั่นดำเนินภาระกิจนี้ให้สำเร็จยิ่งขึ้นต่อไป เป็นคุณประโยชน์และคุณูปการณ์ต่อมนุษยชาติและสังคมตลอดไป”
ดร. อาทิตย์ อุไรรัตน์
อธิการบดีกิตติคุณ มหาวิทยาลัยรังสิต ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต และผู้ก่อตั้งวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออกมหาวิทยาลัยรังสิต
11 กุมภาพันธ์ 2567
