xs
xsm
sm
md
lg

เชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูง ทำติดเชื้อนาน ร่างกายกำจัดไม่ได้ เกิด "มะเร็งปากมดลูก" เตือน 2 กลุ่มเสี่ยงเป็น

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แพทย์เปิดข้อมูลทำไมเชื้อ HPV ก่อมะเร็งปากมดลูก เผยติดเชื้อนี้ได้ทั้งผิวหนัง อวัยวะเพศ ช่องปาก ลำคอ ปกติไม่แสดงอาการ ภูมิคุ้มกันร่างกายกำจัดได้ แต่มี 5-10% ที่กำจัดสายพันธุ์เสี่ยงสูงไม่ได้ ส่งผลติดเชื้อคงอยู่นานจนแปลงเป็นมะเร็ง เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึง 95% ชี้ต่ำกว่า 18 ปีมีเซ็กซ์ เปลี่ยนคู่นอนบ่อยเป็นกลุ่มเสี่ยงสูง

เมื่อวันที่ 29 ม.ค. นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับ 4 ของผู้หญิงทั่วโลก ในปี 2563 พบผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ย 604,000 ราย เสียชีวิตราว 342,000 ราย โดยร้อยละ 90 ของผู้ป่วยที่เสียชีวิต อยู่ในกลุ่มประเทศรายได้ต่ำถึงปานกลาง มะเร็งปากมดลูกถือเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญของประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2532 ซึ่งพบอุบัติการณ์การเกิดมะเร็งปากมดลูกสูงเป็นอันดับหนึ่งในผู้หญิงไทย จากนั้นมีการผลักดันนโยบายการคัดกรองมะเร็งปากมดลูกระดับประเทศขึ้นทำให้อุบัติการณ์มะเร็งปากมดลูกมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง

"ปัจจุบันมะเร็งปากมดลูกจัดอยู่ในอันดับ 5 ของมะเร็งที่พบบ่อยในผู้หญิงไทย มีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 15 ราย หรือ 5,422 คนต่อปี และเสียชีวิตเฉลี่ยวันละ 6 ราย หรือ 2,238 คนต่อปี โดยสาเหตุหลักของมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อ HPV" นพ.วีรวุฒิกล่าว

พญ.ปานวาด รัตนศรีทอง แพทย์เฉพาะทางสาขามะเร็งวิทยานรีเวช สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า การติดเชื้อ HPV เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดหนึ่งที่สามารถติดได้ทั้งที่ผิวหนัง อวัยวะเพศ ในช่องปากและลำคอ โดยปกติผู้ที่มีเพศสัมพันธ์สามารถติดเชื้อไวรัสนี้ได้ แต่มักจะไม่แสดงอาการ อย่างไรก็ตาม ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายของเราสามารถที่จะกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้เอง มีเพียง 5-10% เท่านั้น ที่ระบบภูมิคุ้มกันไม่สามารถกำจัดเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูงออกไปได้ ทำให้การติดเชื้อคงอยู่นาน (persistent HPV) และเชื้อเหล่านี้ สามารถก่อให้เกิดความผิดปกติในเซลล์ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งได้ในที่สุด ซึ่งการติดเชื้อ HPV ในลักษณะคงอยู่นานหรือ Persistent HPV นี้ ถ้าไม่ได้รับการรักษา จะเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ถึง 95% โดยจะใช้เวลาประมาณ 15-20 ปี ในการเปลี่ยนแปลงหลังการติดเชื้อจนกลายไปเป็นเซลล์มะเร็ง

"การติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ความเสี่ยงสูงมักพบในคนที่เริ่มมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกอายุน้อยกว่า 18 ปี หรือในคนที่มีการเปลี่ยนคู่นอนหลายคน ส่วนปัจจัยอื่น ๆ ที่เพิ่มโอกาสการเป็นมะเร็งปากมดลูก เช่น ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ และการสูบบุหรี่ เป็นต้น " พญ.ปานวาดกล่าว

พญ.ปานวาดกล่าวว่า นับเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่งที่เราสามารถทราบอย่างแน่ชัดว่า สาเหตุหลักของการเกิดมะเร็งปากมดลูกคือการติดเชื้อ HPV ดังนั้น เราจึงสามารถหาวิธีป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งปัจจุบัน เราแบ่งการป้องกันออกเป็น 2 ส่วน คือ การป้องกันแบบปฐมภูมิ (primary prevention) ได้แก่ การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV และการป้องกันแบบทุติยภูมิ (secondary prevention) ได้แก่ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอย่างสม่ำเสมอ ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก หรือวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV สามารถฉีดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายเริ่มได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี โดยกรมควบคุมโรคแนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV ในเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายที่อายุ 11 ปี ส่วนผู้ที่อายุมากกว่านี้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน ก็สามารถเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการฉีดวัคซีนได้จนถึงอายุ 45 ปี แต่เนื่องจากวัคซีนไม่สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ทั้งหมด ดังนั้นการเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นเรื่องจำเป็น

"การคัดกรองมะเร็งปากมดลูก ปัจจุบันที่ทำกันอย่างแพร่หลายทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ได้แก่ การตรวจเซลล์ปากมดลูก (Cytology test) หรือที่เราเรียกว่า PAP smear และการตรวจหาเชื้อ HPV (HPV DNA test) ในสตรีไทยทุกสิทธิ์การรักษาที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี โดยสามารถเข้ารับการตรวจคัดกรองเพื่อตรวจหาเชื้อ HPV ได้ฟรีทุก 5 ปี หรือขอรับชุดตรวจหาเชื้อ HPV ด้วยตนเองที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับสตรีที่ไม่สะดวกมารับการตรวจที่โรงพยาบาล" พญ.ปานวาดกล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น