“หมอธีระวัฒน์” เผยความเหมือนของอาการลองโควิดกับผลกระทบจากวัคซีนมีการอักเสบในเลือดคล้ายกัน ทั้งตัวเชื้อโควิดและวัคซีนต่างก็สามารถซ่อนอยู่ในเซลล์ในเนื้อเยื่อของทุกอวัยวะ อาการทั้งสองกลุ่มทำให้ดีขึ้นได้โดยงดกินเนื้อสัตว์บก ออกกำลังกายแบบไม่ฝืน ส่วนการฉีดวัคซีนเพิ่มไม่ได้ช่วยป้องกัน ควรไม่ให้ติดอีก หรือเมื่อไม่สบายก็กินฟ้าทะลายโจรให้หายโดยเร็ว
วันนี้(24 ม.ค.) ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา Thiravat Hemachudha ให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาการลองโควิดและผลกระทบจากการใช้วัคซีนโควิด-19 ว่า การอธิบายเรื่องของลองโควิดและผลกระทบของวัคซีนนั้น ถ้าดูจากรายงานของต่างประเทศอย่างเดียวจะพบว่ามีผลต่างกันถึงกับตรงกันข้ามกัน
ดังนั้น อาจจะทำให้เถียงกันไม่รู้จบ ความสำคัญอยู่ที่มีผู้ป่วยเหล่านี้อยู่จริง ทั้งในสองกรณี และผลกระทบของวัคซีนนั้นมีได้เหมือนกับลองโควิด ทั้งระยะสั้น คือภายในสองถึงสามอาทิตย์ ระยะกลางคือถึงระยะสามเดือน และระยะยาวคืออาการเก่าไม่ยอมหายหรือเกิดอาการใหม่ขึ้นมาและยาวนานเป็นปี
ข้อมูลของผู้ป่วยทั้งสองกลุ่มสามารถทราบได้จากตาตนเอง จากครอบครัว จากคนรอบข้าง จากผู้ป่วยที่มาหาหมอ และอาจจะคิดไม่ถึงว่าเกิดจากอะไรแน่ ถ้าไม่ฟังประวัติให้ดี โดยทั้งๆ ที่สุขภาพปกติสมบูรณ์ก่อนหน้านี้
แต่ถ้าจะให้กล่าวถึงรายงานต่างๆ ก็สามารถยกตัวอย่างบางส่วนให้ได้ดังนี้
1 - วัคซีนไม่ได้ป้องกันการติดเชื้อได้ทั้งหมด ดังนั้น ถึงจะฉีดวัคซีนไปกี่เข็มก็ตาม ก็มีการติดเชื้ออยู่ดี
2 - การฉีดวัคซีนจะป้องกันการติดได้ค่อนข้างดีประมาณสามเดือน หลังจากสามเดือนไปแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อกลับสูงกว่ากลุ่มที่ฉีดวัคซีนน้อยเข็มหรือไม่ได้ฉีดเลย
3 - ขณะนี้กลไกของลองโควิด ความจริงที่พิสูจน์แล้ว ก็คือ ตัวโควิดนั้นสามารถซ่อนอยู่ในเซลล์ในเนื้อเยื่อของทุกอวัยวะไม่ใช่แต่ในปอดอย่างเดียวแต่ยังรวมถึงสมองต่อมน้ำเหลือง อวัยวะภายในช่องท้องและสามารถพิสูจน์ได้จากศพของผู้เสียชีวิตหลังจากติดโควิดไปนานเจ็ดถึงแปดเดือนด้วยซ้ำ จากการพบโปรตีนที่เซลล์ และรวมทั้งตัวโควิดเหล่านี้สามารถเพาะให้เติบโตได้ในหลอดทดลอง (culturable) จากรายงานของกลุ่ม NIH ในวารสารเนเจอร์ 2022
4 - การเกิดลองโควิดนั้น ไม่ได้อธิบายอธิบายจากการเกิด idiotypic antibody คือแอนติบอดีต่อตัวแอนติบอดีที่หนึ่ง ซึ่งกลายเป็นเสมือนตัวไวรัสเอง เพราะแอนติบอดีลักษณะนี้หายไปเร็วมาก จากการศึกษาในต่างประเทศและจากการศึกษาของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่เอง
5 - ผลระยะยาวจากวัคซีนนั้นสามารถอธิบายได้เหมือนประการที่สามกล่าวคือวัคซีนนั้นสามารถซ่อนอยู่ในเซลล์ได้ทุกเนื้อเยื่ออวัยวะ ซึ่งพิสูจน์แล้วจากสัตว์ทดลองและความที่เป็นอนุภาคนาโนไขมัน และอยู่ในตัวผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากผลกระทบของวัคซีนไปนานหลายเดือนด้วยกัน
6 - แม้ว่ามีรายงานการฉีดวัคซีนจะลดอาการของลองโควิด ซึ่งมีการสรุปจาก Eric topol โดยในบทความสรุปนี้มีใจความว่า วัคซีนโควิดช่วยป้องกันการเกิดลองโควิด ได้ 40-50% โดยเฉลี่ย จากการฉีดหนึ่งสองหรือสามเข็ม
ทั้งนี้ จะให้น้ำหนักในรายงานสุดท้ายที่ทำใน 3 ประเทศ 4 cohort มากกว่าสิบล้านคน
อย่างไรก็ตาม รายงานของประเทศอังกฤษจาก King’s college ที่ติดตามประชากรทั้งในสายพันธุ์ อู่ฮั่น อัลฟ่าและเดลต้า ในสหราชอาณาจักร ซึ่งจะมีอาการของลองโควิดเหมือนกัน บอกว่าการฉีดวัคซีนไม่ช่วยเรื่องลองโควิด
บทความสรุปของเอริค โทโพล ก็ย้ำว่า อย่างไรก็ดี ก็ไม่ควรเน้นเรื่องวัคซีนในการป้องกันลองโควิดมากเกินไป ทางที่ดีแล้วคือไม่ติดเลยจะดีกว่า (ซึ่งในโลกนี้คงไม่มีแล้ว) และถ้าเมื่อติดแล้วก็อย่าติดซ้ำ
ในสำหรับประเทศไทยแล้วเรามีฟ้าทะลายโจรเป็นตัวช่วยที่สำคัญ ดังนั้น ถ้าไม่สบาย แม้ไม่ทราบว่าเป็นอะไร ใช้ฟ้าทะลายโจรได้ เพื่อให้หายเร็วที่สุด ซึ่งการที่ผู้ร้ายถูกทำให้สงบลงได้ในเวลาอันรวดเร็วที่สุดนั้นน่าจะเป็นปัจจัยที่สำคัญ
อีกประการร่วมกับสุขภาพแข็งแรงและมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโรคนานาชนิดที่เรียกว่า innate immunity ดังที่เห็นในทวีปแอฟริกาซึ่งแทบไม่มีการฉีดวัคซีนเลย แต่กลับไม่พบปัญหาการระบาดของโควิดและไม่มีปรากฏการณ์ของผู้ป่วยอาการหนักหรือเสียชีวิตอย่างส่วนอื่นๆของโลก
7 - การศึกษาของผู้ป่วยในประเทศไทยของศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพ โรคอุบัติใหม่ จุฬา โดยได้รับทุนจากสำนักงานวิจัยแห่งชาติ และ สวรส. กระทรวง อว. ยืนยันลักษณะเหมือนกันของลองโควิด (แม้ว่าหลังจากติดเชื้อโควิดที่อาการไม่รุนแรง) และ ลองวัคซีน ซึ่งผู้ป่วยในกลุ่มหลังนี้ บางรายก็เคยติดโควิดแล้ว และลองโควิดนั้น ทุกรายเคยได้รับวัคซีนหมดตั้งแต่สองเข็มขึ้นไป
ทั้งสองกลุ่มนี้แพตเทิร์นของการอักเสบในเลือดคล้ายกัน สามารถปรากฏได้ก่อนหน้าที่อาการจะเริ่มรุนแรง หรือ เมื่ออาการสงบไปแล้วการอักเสบที่ดูจาก 13 ตัว ของชนิดการอักเสบกลับไม่หายไปทั้งหมด
ผลกระทบต่อสมอง พบโปรตีนของอัลไซเมอร์ p-Tau amyloid จากที่ไม่เคยมีกลับมี
รวมทั้งโปรตีนที่บ่งบอกถึงการทำลายสมอง (NFL) และโปรตีนที่บ่งบอกถึงการอักเสบในสมองจากเซลล์เกลีย (GFAP)
8 - ทั้งสองกลุ่มนี้สามารถทำให้ดีขึ้นได้ แต่ไม่ทั้งหมดทุกคน โดยเข้าใกล้มังสวิรัติที่สุด งดเนื้อสัตว์บก ออกกำลังแบบไม่ฝืน เริ่มทีละน้อย และตากแดดลดแป้งไม่กินของหวาน