ห่วง "บุหรี่ไฟฟ้า" รูปแบบใหม่ ทำเข้าถึงง่าย โปรโมทผ่าน TIKTOK ยิ่งทำระบาดกว้าง ชี้ไทยมีมาตรการเข้มไม่ต่าง "สิงคโปร์" แต่อ่อนบังคับใช้ กม. ชงเพิ่มอายุซื้อบุหรี่เป็น 21 ปี หนุนทำวาระแห่งชาติ ครูเตือนเลิกแบนบุหรี่ไฟฟ้า ทำเด็กเข้าถึงมากขึ้น
เมื่อวันที่ 23 ม.ค. น.ส.บังอร ฤทธิภักดี เลขาธิการมูลนิธิเพื่อสังคมอาเซียนปลอดบุหรี่ กล่าวงานเสวนา "เจาะลึก เบื้องหลังบุหรี่ไฟฟ้าระบาดหนักในเด็กไทย" จัดโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับศูนย์ความรู้สำหรับมาตรา 5.3 ของ WHO-FCTC และภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ว่า การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนเป็นปัญหาหนักของทั่วโลกและอาเซียน เพราะการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่ๆ ที่สวยงาม ทำให้เข้าถึงง่าย ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มแข็ง สำหรับประเทศที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า พบโปรโมทบุหรี่ไฟฟ้าใน TIKTOK ว่าสูบแล้วเท่ สูบแล้วดีกว่า 97% มียอดวิวและยอดไลก์ 98% ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้คนใช้งานมากที่สุดและฮิตมากในอาเซียน ทั้งบรูไน ไทย ลาว สิงคโปร์ ทำให้การระบาดในเด็กขยายไปเร็วมาก เพราะเด็กคิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตราย และผู้ปกครองไม่รู้ว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้า
สำหรับประเทศในอาเซียนที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า อย่าง "สิงคโปร์" เพราะบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายต่อพัฒนาการของเด็กจากนิโคติน และเป็นประตูสู่ยาเสพติดอื่นๆ ไม่มีหลักฐานว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ โดยมีกฎมายควบคุมเข้มงวดและมีค่าปรับสูง ควบคู่การรณรงค์เข้มแข็งเข้าถึงทุกกลุ่ม และมีเอกภาพในการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนรณรงค์ 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่รู้ถึงอันตรายบุหรี่ไฟฟ้า สถาบันส่งเสริมสุขภาพสิงคโปร์ทำแคมเปญช่องทางดิจิทัลทั้งหมด รวมถึง TIKTOK และ IG มีการอบรมครู นักเรียนที่ถูกจับมีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครองจะเข้าคอร์สเลิกบุหรี่ มีการจัดการกับร้านขายออนไลน์
ส่วนอินโดนีเซีย ทำให้ถูกกฎหมาย แต่ควบคุมไม่ได้แล้ว ขณะที่ฟิลิปปินส์มีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์กว่า 16,376 ร้าน ขณะที่ทั่วโลกมี 45 ประเทศที่ห้ามเด็ดขาด แต่จากบทเรียนประเทศอาเซียน ภาคธุรกิจรุกหนักมากในการที่จะให้มีการเปิดตลาดบุหรี่ไฟฟ้าให้ได้ อ้างว่ารัฐบาลจะได้เก็บภาษี ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะ คือประเทศที่ห้ามขายอยู่แล้วควรยืนยันมาตรการนี้ต่อไป ควรห้ามการปรุงแต่งรสขาติในบุหรี่ทุกรูปแบบ เพิ่มอายุที่สามารถให้ซื้อบุหรี่ได้ เป็นอย่างน้อย 21 ปี และรัฐต้องมีมาตรการและเข้มงวดดูแลไม่ให้มีการโปรโมทการสูบบุหรี่ทุกชนิดทางโซเชียลมีเดีย โดยมองว่าต้องทำให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะให้นักวิชาการเคลื่อนไหวอย่างเดียวไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหน้าที่หลักอย่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ต้องสกัดเรื่องการขายออนไลน์ เพราะการโปรโมททางโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องสำคัญในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม มองว่าไทยเราถือว่าเป็นแถวหน้าในการมีมาตรการเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกับสิงคโปร์ แต่การบังคับใช้กฎหมายต้องปรับปรุง
นางสุวิมล จันทร์เปรมปรุง เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กค่อนข้างน่าเป็นห่วง พบเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ชั้นประถม มีการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน ครูบางคนยังไม่รู้จัก ขาดความรู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ปกครองบางคนยังเข้าใจผิดคิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยจึงไม่ห้ามให้เด็กสูบ ตัวอย่างที่พบเช่น เด็กประถมโรงเรียนแห่งหนึ่งในกทม.นำมาให้เพื่อนสูบโดยคิดค่าบริการครั้งละ 5-10 บาท โรงเรียนในจ.เพชรบูรณ์ พบเด็กม.2-3 สูบบอกพ่อแม่ซื้อให้ ซึ่งพ่อแม่ก็ยอมรับบอกเพราะคิดว่าไม่อันตราย และไม่อยากให้ลูกสูบบุหรี่มวน หรือเด็กป.5 บอกซื้อทางออนไลน์แบ่งสูบกับเพื่อนและนำไปขายรุ่นพี่ จ.อุบลราชธานีพบมีร้านขายใกล้โรงเรียน เป็นต้น
"ขนาดมีกฎหมายควบคุมยังพบสถานการณ์ที่น่าห่วงดังกล่าว หากไม่มีกฎหมายควบคุมจะเพิ่มปัญหามากขึ้น โดยเฉพาะเด็กเยาวชนจะตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น ดังนั้น กรณีมีคนบางกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนมาควบคุม โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการเข้าถึงของเด็ก เครือข่ายครูฯ เห็นว่า ข้ออ้างนี้เป็นสิ่งที่บิดเบือนจากความจริง เพราะหากยกเลิกกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า จะยิ่งทำให้เด็กเข้าใจผิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย เพราะเข้าใจว่าเมื่อถูกกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับ ซ้ำจะยิ่งทำให้การเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้นทั้งร้านค้าใต้ดินและบนดิน เครือข่ายครูฯ จึงมีความเห็นว่า รัฐบาลควรจะคงมาตรการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป แต่เพิ่มความเข้มข้นของการบังคับใช้กฎหมาย และเร่งให้ความรู้กับเด็ก ครู และผู้ปกครอง และอยากให้นำปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประเด็น talk of the town ที่ทุกคนต้องช่วยกันป้องกัน เฝ้าระวัง" นางสุวิมลกล่าว
นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส.ยังคงจุดเดิมคือ ไม่สนับสนุนสิ่งที่ทำลายสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นภัยคุกคามใหม่ในเด็กและเยาวชน สสส. สนับสนุนให้รัฐบาลคงกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดในการป้องกันการเข้าถึงของเด็ก และจะสานต่อความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่างๆ ในการสื่อสารรณรงค์และเผยแพร่ข้อมูล ข้อเท็จจริง อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ ทำให้สังคมรู้เท่าทันกลยุทธ์อุตสาหกรรมยาสูบ และการเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน