xs
xsm
sm
md
lg

เด็กไทยสูบ "บุหรี่ไฟฟ้า" พุ่ง 17.6% ซื้อผ่านออนไลน์ 80% หนุน ศธ.ทำ Dropbox ริบพอต นร.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



กรมคววบคุมโรค ห่วงเด็กไทยสูบ "บุหรี่ไฟฟ้า" สูง 17.6% รับรู้พิษภัยลดลง ซื้อผ่านออนไลน์สูง 80% ทำรูปแบบใหม่ดึงดูดเด็ก พ่อแม่รู้ไม่เท่าทัน หนุน ศธ.ให้โรงเรียนทำ Dropbox ริบบุหรี่ไฟฟ้า นร. หวั่นโปรโมทผ่านโซเชียลทำระบาดกว้าง ย้ำคงมาตรการห้ามขายนำเข้า ชงเพิ่มอายุซื้อบุหรี่เป็น 21 ปี ทำเป็นวาระชาติ



เมื่อวันที่ 23 ม.ค. ที่โรงแรมแกรนด์ ริชมอนด์ นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเปิดงานเสวนา "เจาะลึก เบื้องหลังบุหรี่ไฟฟ้าระบาดหนักในเด็กไทย" จัดโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ร่วมกับศูนย์ความรู้สำหรับมาตรา 5.3 ของ WHO-FCTC และภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบ ว่า กลยุทธ์ของบุหรี่ไฟฟ้ามุ่งเป้าที่เด็กและเยาวชน มีการจัดทำรูปแบบบุหรี่ไฟฟ้าทั้งแบบการ์ตูน กล่องนม เพื่อฝังให้เด็กคิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดา และเด็กจะซึมซับโดยไม่รู้ตัว ทั้งนี้ การตลาดต่อไปในอนาคตจะลงไปในเด็กมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งรูปแบบของบุหรี่ไฟฟ้ามีนิโคตินที่เป็นอันตรายมากกว่าบุหรี่มวน เพราะบุหรี่มวนมีการจำกัดปริมาณนิโคตินต่อมวน แต่บุหรี่ไฟฟ้าสามารถเติมนิโคตินได้ตลอดเวลา ซึ่งนิโคตินมีผลกระทบทำลายสมองและพัฒนาการของเด็ก และทำให้เกิดปอดอักเสบเฉียบพลัน นับเป็นภัยคุกคามเยาวชน ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้ามีการแพร่หลายอย่างกว้างขวาง จึงต้องปรับรูปแบบการแก้ปัญหา ทั้งการให้ความรู้และปรับการรณรงค์ให้ตรงเป้าหมายที่เป็นกลุ่มเยาวชน


เด็กไทยสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูง 17.6%

นพ.ชยนันท์ สิทธิบุศย์ ผอ.กองงานคณะกรรมการควบคุมการบริโภคยาสูบ กรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์การใช้บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กไทยอายุ 13-15 ปี ว่า จากการสำรวจเยาวชนไทย อายุ 13-15 ปี จำนวน 6,700 คน พื้นที่โรงเรียนทั่วประเทศ พบข้อสำคัญ 4 ประเด็น คือ 1.การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด จากปี 2558 พบ 3.3% แต่ปี 2565 ล่าสุดพบสูงถึง 17.6% เพิ่มขึ้นเกือบ 5.3 เท่า 2.อุตสาหกรรมยาสูบมีกลยุทธ์มุ่งเป้าที่เด็ก มีการโฆษณาทางอินเทอร์เน็ตเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว คือ จาก 27% เป็น 48%


รับรู้พิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าลดลง

3.ความรู้หรือทัศนคติเด็กและเยาวชน เปลี่ยนแปลงไป เดิมเด็กจะเข้าใจพิษภัยบุหรี่ ตอนนี้เด็กมีความรู้หรือคิดเห็นควันบุหรี่มือสองลดลง อย่างการตัดสินใจเลิกยาสูบลดลงจาก 72.2% เหลือ 59% เด็กอาจจะเข้าใจว่าบุหรี่ไฟฟ้าอาจปลอดภัยกว่าบุหรี่ หรือควันในบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย และ 4.การสื่อสาร พบว่าเด็กรับทราบสื่อต่างๆ เกี่ยวกับพิษภัยบุหรี่ลดลงทุกช่องทางสื่อ จาก 74.9% เหลือ 61.3% หรือตามงานอีเวนต์ต่างๆ ที่รณรงค์ก็ลดลงจาก 72.2% เหลือ 62.4% ภาพคำเตือนบนซองบุหรี่ ที่เรามีวัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้เริ่มสูบ หรือสูบแล้วต้องการเลิก พบว่า ลดลงเช่นกันจาก 38.4% เหลือ 28.6% ที่น่าตกใจคือในโรงเรียน พิษภัยที่รับความรู้จากการเรียนการสอนก็ลดลง จาก 76.2% เหลือ 65.8% จึงนำไปสู่เรื่องการแก้ไขปัญหา


นพ.ชยนันท์กล่าวว่า กรมควบคุมโรคจึงนำเรื่องนี้เข้าไปในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ เพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วน 3 มาตรการ คือ 1.เคยมีการประกาศนโยบายมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า 5 มาตรการ จะเน้นย้ำให้ดำเนินการ เราส่งมาตรการลงไปที่คณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบจังหวัดทุกจังหวัด ทั้งรณณงค์สร้างความตระหนัก การบังคับใช้การเฝ่าระวัง ทุกจังหวัดต้องเร่งดำเนินการ 2.ยกระดับเรื่องการเฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมาย เพราะตอนนี้กฎหมายบางครั้งไม่มีความชัดเจน เราต้องให้ผู้บังคับใช้กฎหมายมีความชัดเจนในการดำเนินคดีต่างๆ เราเน้นเรื่องจับคนขาย และ 3.การปรับกระบวนการสื่อไปถึงเด็กและเยาวชน เพื่อเพิ่มช่องทางและเหมาะกับพฤติกรรมเสพสื่อของเด็ก คือ โซเชียลมีเดียต่างๆ

"ขอให้ทุกภาคส่วนช่วยกันรณรงค์ในเรื่องนี้ เพราะภาคธุรกิจบอกว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตรายหรือเอามาใช้เลิกบุหรี่มวน ซึ่งเป็นข้อความบิดเบือน เราต้องทำให้เด็กเข้าใจ เพราะไม่มีภูมิต้านทานเรื่องนี้ ขอให้พ่อแม่ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างดี" นพ.ชยนันท์กล่าว


ลักลอบขายใต้ดิน เด็กซื้อผ่านออนไลน์ 80%

ถามว่าปัจจุบันลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้ามากน้อยแค่ไหน นพ.ชยนันท์กล่าวว่า เยอะมาก ทั้งออนไซต์ตามร้านค้าต่างๆ และทางสื่อโซเชียลต่างๆ พบเห็นการลักลอบการขายอย่างโจ่งแจ้ง ส่วนใหญ่จากการสำรวจพบว่า มีการซื้อทางออนไลน์เกือบ 80% ผู้บังคับใช้กฎหมาย ทั้งตำรวจ เจ้าหน้าที่ศุลกากร หรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) ก็เร่งดำเนินการ โดยพยายามบูรณาการร่วมกับฝ่ายปกครองปราบปรามเอาจริงเอาจังมากขึ้น เราเห็นความสำคัญของการปกป้องคุ้มครองเยาวชน

"เราอาจจะต้องดำเนินการอย่างเข้มข้น เพราะว่าการบังคับใช้กฎหมายทางอินเทอร์เน็ตหรือออนไลน์ยากมาก แม้บางครั้งผู้บังคับใช้กฎหมายพบเห็นไปปิดเว็บไซต์ สักพักก็เปิดใหม่ได้ การปราบปรามก็สำคัญ แต่สำคัญกว่าคือรณรงค์ให้เด็กรับทราบโทษพิษภัยจริงๆ ของบุหรี่ไฟฟ้า อย่างการลงพื้นที่ เราพบเด็ก ป. 3 จ.สกลนคร ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าทางออนไลน์ ราคาถูกสุดแบบพอตราคาแค่ 97 บาท มองว่าตรงนี้จะแทรกซึมเข้ามาและแพร่หลายมากขึ้น จะเกิด New Generation Addiction หรือยุคสมัยของการเสพติดบุหรี่เพิ่มขึ้น หลังเสพติดบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นช่องทางไปสู่สิ่งเสพติดอื่น นโยบายรัฐบาลมุ่งเน้นปราบปรามยาเสพติดอยู่แล้ว ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าเป็นช่องทางหนึ่งทำให้เด็กเข้าถึงยาเสพติดชนิดอื่นๆ ด้วย" นพ.ชยนันท์กล่าว


ร่วม ศธ.ทำ Dropbox ริบบุหรี่ไฟฟ้า นร.

ถามถึงการร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพราะเด็กมีการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียนมากขึ้น นพ.ชยนันท์กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หารือร่วม ศธ.อยู่แล้ว จะทำอย่างไรเมื่อพบเห้นว่านักเรียนครอบครองบุหรี่ไฟฟ้า ตอนนี้มีมาตรการที่ ศธ.จะดำเนินการเพื่อสื่อสารลงไปในโรงเรียนทุกแห่งว่า ว่าหากเจอในเด็กนักเรียน เราไม่ได้มองว่าเขาเป็นคนผิด เราคิดว่าเป็นเหยื่อ เราจะให้มีตัว Dropbox ให้หย่อนบุหรี่ไฟฟ้าลงไป เหมือนเวลาผ่านด่านศุลกากรต่างๆ ในการยึดของกลาง ก็จะส่งให้ตำรวจไปทำลาย

เมื่อถามถึงสถานการณ์เยาวชนที่เจ็บป่วยจากบุหรี่ไฟฟ้าหรือการเกิดโรค EVALI นพ.ชยนันท์กล่าวว่า ตอนนี้สถานการณ์ EVALI มีการพบเห็นและรายงาน แต่กรมควบคุมต้องมีการสอบสวนลงไป ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ซึ่งเราจะต้องเร่งเก็บข้อมูลต่างๆ เพาะบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่งมาใหม่ โทษพิษภัยเริ่มชัดเจนมากขึ้น แน่ชัดสุดคือเรื่องสมอง แต่จริงๆ ไม่ต้องรอผลข้อมูลพวกนี้ ไม่ต้องรอให้เกิด เมื่อมีความเสี่ยงเราต้องป้องกันให้ได้


โปรโมทผ่าน TIKTOK ทำระบาดกว้าง

น.ส.บังอร ฤทธิภักดี เลขาธิการมูลนิธิเพื่อสังคมอาเซียนปลอดบุหรี่ กล่าวว่า การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชนเป็นปัญหาหนักของทั่วโลกและอาเซียน เพราะการออกแบบรูปลักษณ์ใหม่ๆ ที่สวยงาม ทำให้เข้าถึงง่าย ไม่มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มแข็ง สำหรับประเทศที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า พบโปรโมทบุหรี่ไฟฟ้าใน TIKTOK ว่าสูบแล้วเท่ สูบแล้วดีกว่า 97% มียอดวิวและยอดไลก์ 98% ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้คนใช้งานมากที่สุดและฮิตมากในอาเซียน ทั้งบรูไน ไทย ลาว สิงคโปร์ ทำให้การระบาดในเด็กขยายไปเร็วมาก เพราะเด็กคิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตราย และผู้ปกครองไม่รู้ว่าเป็นบุหรี่ไฟฟ้า สำหรับประเทศในอาเซียนที่ห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า อย่าง "สิงคโปร์" เพราะบุหรี่ไฟฟ้าอันตรายต่อพัฒนาการของเด็กจากนิโคติน และเป็นประตูสู่ยาเสพติดอื่นๆ ไม่มีหลักฐานว่า บุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ โดยมีกฎมายควบคุมเข้มงวดและมีค่าปรับสูง ควบคู่การรณรงค์เข้มแข็งเข้าถึงทุกกลุ่ม และมีเอกภาพในการป้องกันบุหรี่ไฟฟ้า ก่อนรณรงค์ 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่รู้ถึงอันตรายบุหรี่ไฟฟ้า สถาบันส่งเสริมสุขภาพสิงคโปร์ทำแคมเปญช่องทางดิจิทัลทั้งหมด รวมถึง TIKTOK และ IG มีการอบรมครู นักเรียนที่ถูกจับมีบุหรี่ไฟฟ้าในครอบครองจะเข้าคอร์สเลิกบุหรี่ มีการจัดการกับร้านขายออนไลน์


ชงเพิ่มอายุซื้อบุหรี่เป็น 21 ปี

ส่วนอินโดนีเซีย ทำให้ถูกกฎหมาย แต่ควบคุมไม่ได้แล้ว ขณะที่ฟิลิปปินส์มีร้านขายบุหรี่ไฟฟ้าออนไลน์กว่า 16,376 ร้าน ขณะที่ทั่วโลกมี 45 ประเทศที่ห้ามเด็ดขาด แต่จากบทเรียนประเทศอาเซียน ภาคธุรกิจรุกหนักมากในการที่จะให้มีการเปิดตลาดบุหรี่ไฟฟ้าให้ได้ อ้างว่ารัฐบาลจะได้เก็บภาษี ทั้งนี้ ข้อเสนอแนะ คือประเทศที่ห้ามขายอยู่แล้วควรยืนยันมาตรการนี้ต่อไป ควรห้ามการปรุงแต่งรสขาติในบุหรี่ทุกรูปแบบ เพิ่มอายุที่สามารถให้ซื้อบุหรี่ได้ เป็นอย่างน้อย 21 ปี และรัฐต้องมีมาตรการและเข้มงวดดูแลไม่ให้มีการโปรโมทการสูบบุหรี่ทุกชนิดทางโซเชียลมีเดีย โดยมองว่าต้องทำให้เป็นวาระแห่งชาติ เพราะให้นักวิชาการเคลื่อนไหวอย่างเดียวไม่เพียงพอ โดยเฉพาะหน้าที่หลักอย่างกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ต้องสกัดเรื่องการขายออนไลน์ เพราะการโปรโมททางโซเชียลมีเดียเป็นเรื่องสำคัญในการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม มองว่าไทยเราถือว่าเป็นแถวหน้าในการมีมาตรการเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าเช่นเดียวกับสิงคโปร์ แต่การบังคับใช้กฎหมายต้องปรับปรุง


ครูเตือนเลิกแบนบุหรี่ไฟฟ้า ทำเด็กเข้าถึงมากขึ้น

นางสุวิมล จันทร์เปรมปรุง เครือข่ายครูเพื่อโรงเรียนปลอดบุหรี่ กล่าวว่า สถานการณ์บุหรี่ไฟฟ้าในเด็กค่อนข้างน่าเป็นห่วง พบเด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าตั้งแต่ชั้นประถม มีการซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน ครูบางคนยังไม่รู้จัก ขาดความรู้เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ผู้ปกครองบางคนยังเข้าใจผิดคิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยจึงไม่ห้ามให้เด็กสูบ ตัวอย่างที่พบเช่น เด็กประถมโรงเรียนแห่งหนึ่งในกทม.นำมาให้เพื่อนสูบโดยคิดค่าบริการครั้งละ 5-10 บาท โรงเรียนในจ.เพชรบูรณ์ พบเด็กม.2-3 สูบบอกพ่อแม่ซื้อให้ ซึ่งพ่อแม่ก็ยอมรับบอกเพราะคิดว่าไม่อันตราย และไม่อยากให้ลูกสูบบุหรี่มวน หรือเด็กป.5 บอกซื้อทางออนไลน์แบ่งสูบกับเพื่อนและนำไปขายรุ่นพี่ จ.อุบลราชธานีพบมีร้านขายใกล้โรงเรียน เป็นต้น

"ขนาดมีกฎหมายควบคุมยังพบสถานการณ์ที่น่าห่วงดังกล่าว หากไม่มีกฎหมายควบคุมจะเพิ่มปัญหามากขึ้น โดยเฉพาะเด็กเยาวชนจะตกเป็นเหยื่อเพิ่มขึ้น ดังนั้น กรณีมีคนบางกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้าแล้วเปลี่ยนมาควบคุม โดยอ้างว่าเพื่อป้องกันการเข้าถึงของเด็ก เครือข่ายครูฯ เห็นว่า ข้ออ้างนี้เป็นสิ่งที่บิดเบือนจากความจริง เพราะหากยกเลิกกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า จะยิ่งทำให้เด็กเข้าใจผิดว่า บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย เพราะเข้าใจว่าเมื่อถูกกฎหมายจึงเป็นสิ่งที่สังคมยอมรับ ซ้ำจะยิ่งทำให้การเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้ามีเพิ่มขึ้นทั้งร้านค้าใต้ดินและบนดิน เครือข่ายครูฯ จึงมีความเห็นว่า รัฐบาลควรจะคงมาตรการห้ามบุหรี่ไฟฟ้าต่อไป แต่เพิ่มความเข้มข้นของการบังคับใช้กฎหมาย และเร่งให้ความรู้กับเด็ก ครู และผู้ปกครอง และอยากให้นำปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประเด็น talk of the town ที่ทุกคนต้องช่วยกันป้องกัน เฝ้าระวัง" นางสุวิมลกล่าว


นพ.พงศ์เทพ วงศ์วัชรไพบูลย์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส.ยังคงจุดเดิมคือ ไม่สนับสนุนสิ่งที่ทำลายสุขภาพ โดยเฉพาะเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นภัยคุกคามใหม่ในเด็กและเยาวชน สสส. สนับสนุนให้รัฐบาลคงกฎหมายห้ามบุหรี่ไฟฟ้า เพราะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดในการป้องกันการเข้าถึงของเด็ก และจะสานต่อความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่างๆ ในการสื่อสารรณรงค์และเผยแพร่ข้อมูล ข้อเท็จจริง อันตรายของบุหรี่ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบรูปแบบใหม่ ทำให้สังคมรู้เท่าทันกลยุทธ์อุตสาหกรรมยาสูบ และการเพิ่มภูมิคุ้มกันในการป้องกันการสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเยาวชน


ห่วง บ.บุหรี่ล็อบบี้เลิกแบนแบบอังกฤษ

ด้าน รศ.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี ม.มหิดล กล่าวในหัวข้อเบื้องลึก เบื้องหลัง ความเคลื่อนไหวให้เปิดตลาดบุหรี่ไฟฟ้าในไทย ว่า บริษัทบุหรี่กำลังวิ่งเต้นอย่างหนัก เพื่อต้องการให้ประเทศไทยเปิดตลาดบุหรี่ไฟฟ้าให้ได้ โดยเครือข่ายสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าในประเทศไทยมักจะยกอังกฤษมาเป็นข้ออ้างให้รัฐบาลไทยเอาอย่าง แต่ล่าสุดมีการเปิดเผยโดยนักข่าวสายสืบสวนของ Time of London ว่า นโยบายบุหรี่ไฟฟ้าของอังกฤษอาจจะเกิดจากการแทรกแซงโดยบริษัทบุหรี่ โดยพบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มแพทย์และนักวิชาการอังกฤษที่สนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ากับบริษัทบุหรี่ เช่น ให้ทุนงานวิจัยเพื่อสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าและเบี่ยงเบนผลกระทบต่อเด็ก ล็อบบี้นักการเมืองในรัฐสภาอังกฤษ สนับสนุนเครือข่ายผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้าให้อ้างเรื่องสิทธิการสูบ และโจมตีข้อแนะนำขององค์การอนามัยโลก

“สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศไทย ซ้ำรอยกับที่อังกฤษโดยเฉพาะ พบว่ามีการวิ่งเต้นนักการเมือง ส่งคนที่มีความสัมพันธ์กับบริษัทบุหรี่ข้ามชาติเข้าไปนั่งเป็นกรรมาธิการวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในสภาผู้แทนราษฎร โดยคนกลุ่มนี้อ้างตัวเป็นกลุ่มผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้า เรียกร้องสิทธิการสูบ และมักอ้างข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า ดังนั้นรัฐบาลจึงไม่ควรให้คุณค่ากับคนกลุ่มนี้เพราะทำเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจโดยไม่คำนึงผลกระทบที่จะเกิดกับสังคม” รศ.พญ.เริงฤดี กล่าว


"บุหรี่ไฟฟ้า" กระทบงานคุมยาสูบพัง 2 ทาง

ด้าน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าพบว่า 10 คน จะมี 7 คน ติดไปจนตาย หรือไปเลิกตอนตาย ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าติดมากกว่าบุหรี่ธรรมดา เมื่อ 70% เลิกไม่ได้ จะเกิดประชากรติดสิ่งเสพติดรุ่นใหม่ จึงสมควรที่ทั้งสังคมจะขึ้นมาร่วมกันจัดการปัญหานี้ ซึ่งการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าเช่นนี้ ในประเทศที่จัดการบุหรี่ไฟฟ้าจะต้องสำรวจทุกปีในวัยรุ่น แต่ของไทยทำไม่ได้ เพราะไม่มีงบประมาณและไม่มีอัตรากำลัง เราทิ้งไป 7-8 ปี ส่วนกรณีการรับรู้พิษภัยบุหรี่น้อยลง เพราะคนทำงานเรามีน้อยและอยู่ในส่วนกลาง และพบว่า การต่อสู้กับบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้การสู้กับบุหรี่ธรรมดาหย่อนลงไปด้วย อย่าง 4-5 ปีนี้ ตนแทบไม่ได้พูดเรื่องบุหรี่เลย เพราะหันมาทำเรื่องเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งองค์การอนามัยโลกบอกว่า ประเทศที่ไม่พร้อมนั้น บุหรี่ไฟฟ้าจะทำให้แย่ลงทั้งสองทาง ซึ่งอัตราสูบบุหรี่ไม่ลดลง แต่บุหรี่ไฟฟ้ากลับเพิ่มขึ้น ที่น่าห่วงคือ ระบบการให้ความรู้ของเราไม่เพียงพอ


กำลังโหลดความคิดเห็น