บอร์ด สปสช. ขยายบริการ "เทเลเมดิซีน" ผ่าน 4 แอปฯ ให้คนไทยสิทธิบัตรทองไปทำงาน-เที่ยว ตปท. ให้คำปรึกษาเมื่อเจ็บป่วยฟรี เป็นของขวัญปีใหม่ ช่วยออกใบสรุปอาการ ยาจำเป็นต้องใช้ เริ่ม 15 ม.ค.นี้ ใช้พาสปอร์ตหรือ เลข 13 หลักยืนยันตัวตน ประสาน กต.ร่วมสื่อสาร
เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และประธานบอร์ด สปสช. เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ด สปสช. เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ที่ผ่านมา รับทราบแนวทางการจัดระบบบริการเพื่อดูแลสิทธิหลักประกันสุขภาพฯ ในต่างประเทศผ่านระบบบริการการแพทย์ทางไกล เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2567 ให้คนไทยที่ทำงานในต่างประเทศ หรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนหนึ่งเกิดภาวะเจ็บป่วยและต้องเข้ารับบริการสาธารณสุขในประเทศนั้นๆ แต่ด้วยปัญหาด้านภาษาทำให้เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารกับบุคลากรทางการแพทย์และการเข้ารับบริการรักษาพยาบาล
"เทคโนโลยีการสื่อสารถูกพัฒนาและมีประสิทธิภาพ ไทยมีระบบบริการที่อำนวยความสะดวกต่อการให้บริการสาธารณสุขกับประชาชน อย่างบัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ สปสช.มีสิทธิประโยชน์บริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) กรณีสิทธิบัตรทองมีอาการเจ็บป่วยเจ็บป่วยเล็กน้อย (common illness) ผ่านแอปพลิเคชันผู้ให้บริการการแพทย์ทางไกล 4 แห่ง ให้บริการผู้ป่วยได้ทุกที่ ไม่ว่าอยู่ในพื้นที่ใด จึงสามารถที่จะขยายความครอบคลุมคนไทยในต่างประเทศได้ด้วย สอดคล้องกับมาตรา 5 แห่ง พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กำหนดว่าบุคคลทุกคนมีสิทธิได้รับบริการสาธารณสุขที่มีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพตามที่กำหนด ซึ่งรวมถึงคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ" นพ.ชลน่านกล่าว
นพ.ชลน่านกล่าวว่า ที่ผ่านมา สปสช. ได้หารือกับกรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ ในประเด็นที่เกี่ยวกับกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งสามารถทำได้ ขณะนี้ สปสช. ได้ประสานผู้ให้บริการการแพทย์ทางไกลทั้ง 4 แห่งของ สปสช.แล้ว เพื่อให้บริการคนไทยในต่างประเทศ ในรูปแบบให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ ประเมินอาการเจ็บป่วย เพื่อเข้ารับการรักษาที่เหมาะสม ให้คำแนะนำดูแลสุขภาพเบื้องต้นสำหรับคนไทยในต่างประเทศโดยแพทย์ไทย นอกจากนี้ ได้ประสานกระทรวงการต่างประเทศเรื่องความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ทุกช่องทางเพื่อให้คนไทยที่อยู่ในประเทศต่างๆ ได้รับทราบสิทธิประโยชน์บริการการแพทย์ทางไกลต่อไป
“ขณะนี้ระบบการแพทย์ทางไกลเพื่อให้บริการสุขภาพสำหรับคนไทยสิทธิบัตรทองที่ทำงานในต่างประเทศพร้อมแล้ว ซึ่งจะเริ่มให้บริการได้ตั้งแต่วันที่ 15 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของนโยบาย 30 บาทอัปเกรด” นพ.ชลน่าน กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า ขั้นตอนการรับบริการไม่ยุ่งยาก เลือกรับบริการการแพทย์ทางไกลผ่านแอปพลิเคชันของผู้ให้บริการที่ สปสช. กำหนดได้ แอปใดแอปหนึ่ง ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ซึ่งการใช้สิทธิจะใช้เพียงหนังสือเดินทาง (Passport) หรือเลขประจำตัวประชาชน 13 หลัก เพื่อยืนยันตัวตน และจะได้พบแพทย์ผ่านระบบการแพทย์ทางไกลเช่นเดียวกับผู้มีสิทธิบัตรทอง ที่อยู่ในประเทศไทย ปัจจุบันมี 4 แอปพลิเคชัน ประกอบด้วย 1.Saluber MD ไลน์ไอดี @Sooksabaiclinic ลงทะเบียนรับบริการได้ที่ https://telemed.salubermdthai.com/ 2.Clicknic (คลิกนิก) ไลน์ไอดี @clicknic 3.Mordee (หมอดี) ไลน์ไอดี @mordeeapp ลงทะเบียนรับบริการได้ที่ https://form.typeform.com/to/qKY8gV4X และ 4.โททอลเล่เทเลเมด (Totale Telemed) ไลน์ไอดี @totale
“ย้ำว่าเป็นการพบแพทย์ผ่านระบบออนไลน์เพียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อขอรับคำปรึกษาในเรื่องสุขภาพ เชื่อว่าจะช่วยสร้างความอุ่นใจด้านสุขภาพให้กับคนไทยในต่างแดนได้ ส่วนส่งยาจากไทยยังไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดขัดในด้านกฎหมาย ผู้ให้บริการอาจออกใบสรุปอาการและยาที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อเป็นข้อมูลให้กับผู้ป่วยที่ต้องไปพบบุคลากรทางการแพทย์ในประเทศนั้น เพื่อรับการดูแลต่อไป" เลขาธิการ สปสช. กล่าว
