สธ.เร่งเฝ้าระวัง 7 โรคหลังจังหวัดใต้เผชิญ "น้ำท่วม" ทั้งไข้หวัดใหญ่ ปอดบวม อาหารเป็นพิษ อุจจาระร่วง ฉี่หนู ตาแดง ไข้เลือดออก ย้ำ 5 ข้อต้องทำช่วยป้องกันโรค แนะสะพายแล่งถังแกลลอน 5 ลิตร หากไม่มีชูชีพ เมื่อต้องเดินทางทางน้ำ ลดเสี่ยงจมน้ำดับ
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีน้ำท่วมพื้นที่ 5 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง คือ สตูล สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ว่า ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ระมัดระวัง ติดตามข่าวสารจากราชการ และเตรียมความพร้อมอยู่เสมอ สำหรับโรคและภัยสุขภาพที่ต้องระมัดระวังคือ 1.กลุ่มโรคระบบทางเดินหายใจ คือ โรคไข้หวัดใหญ่และโรคปอดบวม 2.กลุ่มโรคติดต่อทางอาหารและน้ำ คือ โรคอาหารเป็นพิษ และโรคอุจจาระร่วง และ 3.กลุ่มโรคที่มักเกิดตามมากับน้ำท่วม คือ โรคไข้ฉี่หนู โรคตาแดง และโรคไข้เลือดออก ส่วนภัยสุขภาพที่ต้องระวัง คือสัตว์แมลงมีพิษกัด/ต่อย เช่น งู แมงป่อง ตะขาบ เป็นต้น รวมถึงต้องระวังการจมน้ำ การขับขี่ยานพาหนะบริเวณน้ำไหลผ่านเส้นทางด้วย
สำหรับวิธีป้องกันโรคและภัยสุขภาพที่มากับน้ำท่วมหรือน้ำป่าไหลหลาก คือ 1.อย่าทิ้งขยะทุกชนิด หรือขับถ่ายของเสียลงน้ำท่วมขัง ให้ทิ้งขยะหรือสิ่งปฏิกูลลงในถุงพลาสติกและมัดปากถุงให้แน่นแล้วเก็บไว้ในที่แห้ง 2.หากน้ำท่วมขังกระเด็นเข้าตาหรือมีฝุ่นละอองเข้าไปในตา ให้ใช้น้ำสะอาดล้างหน้าและดวงตาให้สะอาด 3.รับประทานอาหารที่ปรุงสุก ร้อน สะอาด เพื่อป้องกันโรคอาหารเป็นพิษและโรคอุจจาระร่วง 4.หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำเป็นเวลานาน ควรใส่รองเท้าบูททุกครั้ง เพื่อป้องกันโรคที่มักเกิดตามมากับน้ำท่วม รีบทำความสะอาดร่างกายด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งทันที และ 5. หากต้องโดยสารเรือหรือเดินทางทางน้ำ ต้องสวมเสื้อชูชีพทุกครั้ง กรณีถ้าไม่มีให้ใช้อุปกรณ์ที่ลอยน้ำได้ เช่น ถังแกลลอนพลาสติกเปล่าปิดฝาผูกเชือก ขนาด 5 ลิตร สะพายแล่งแทน
นพ.ดิเรก ขำแป้น รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ได้กำชับไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กองระบาดวิทยา กองโรคติดต่อทั่วไป กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉินและสำนักงานป้องกันควบคุมโรคทั้ง 12 แห่งทั่วประเทศ เป็นต้น จัดเตรียมแผนเผชิญเหตุเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์โรคและภัยสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นในช่วงน้ำท่วม โดยจัดทีมตระหนักรู้สถานการณ์ตรวจจับเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมพร้อมสนับสนุนทีมเฝ้าระวังสอบสวนเคลื่อนที่เร็ว ร่วมปฏิบัติงานกับหน่วยงานในพื้นที่ กรณีเกิดการระบาดของโรค รวมถึงเร่งสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการป้องกันโรคแก่ประชาชนในพื้นที่ประสบปัญหาดังกล่าว