ปลัด สธ.ออก 6 ข้อสั่งการ รับมือ ฝุ่น PM 2.5 ใช้กลไก 3 หมอ เทเลเมิดิซีน ดูแลกลุ่มเสี่ยงเปราะบาง เตรียมพร้อม รพ.พื้นที่เสี่ยงสูง 4 เขตสุขภาพ กทม. และปริมณฑล ให้เสร็จใน ม.ค.เตรียมพร้อมหน้ากากอนามัย จัดทำห้องปลอดฝุ่นทุก รพ. รายงานผู้ป่วยที่มีอาการเกิดจากการสัมผัสฝุ่น
เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังประชุมติดตามสถานการณ์และการดำเนินงานด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีหมอกควันและฝุ่นละอองขนาดเล็ก ปี 2567 ร่วมกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดทั่วประเทศ ว่า จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ช่วงวันที่ 21-29 ธ.ค. 2566 จะสะสมเพิ่มขึ้นในระดับเกินมาตรฐานในบางพื้นที่ ส่วน ม.ค. 2567 มีแนวโน้มสะสมเพิ่มขึ้นจนเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพเกือบทุกพื้นที่ โดยเฉพาะ กทม. และปริมณฑล ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และช่วงปลาย ม.ค. ภาคเหนือจะเริ่มมีแนวโน้มเกินมาตรฐานเพิ่มขึ้น จากความกดอากาศสูงประเทศจีนแผ่ปกคลุมประเทศไทยตลอดทั้งเดือน ทำให้อุณหภูมิลดลงต่ำสุด
นพ.โอภาสกล่าวว่า ได้มีข้อสั่งการเพื่อดูแลและป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน ได้แก่ 1.เฝ้าระวัง คาดการณ์ และแจ้งเตือนสถานการณ์ พร้อมสื่อสารสร้างความรู้ความเข้าใจในการดูแลป้องกันสุขภาพอย่างต่อเนื่อง 2.เตรียมความพร้อมระบบบริการสาธารณสุข/ระบบส่งต่อ โดยใช้กลไก 3 หมอ และระบบเทเลเมดิซีน ดูแลกลุ่มเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง โรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคเยื่อบุตาอักเสบ โรคผิวหนัง และคนทำงานในสถานที่เสี่ยง เช่น คนตัดอ้อย เผาอ้อย เป็นต้น 3.เตรียมความพร้อมทางการแพทย์และสาธารณสุข อาทิ หน้ากากอนามัย ห้องปลอดฝุ่น โดยเฉพาะโรงพยาบาลในพื้นที่เสี่ยงสูงของเขตสุขภาพที่ 1, 2, 3 และ 8 รวมถึง กทม. และปริมณฑล ให้เร่งจัดทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2567
3.ให้สถานพยาบาลแจ้งและรายงานผู้ป่วยหรือผู้สงสัยว่าเป็นโรคหรือมีอาการเกิดจากการสัมผัสฝุ่น PM 2.5 4.เปิดศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข (PHEOC) ในทุกระดับ และยกระดับการปฏิบัติการเมื่อสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงมากขึ้น ซึ่งล่าสุดได้เปิด PHEOC แล้ว 4 จังหวัด คือ พิษณุโลก นนทบุรี สิงห์บุรี และสมุทรสาคร 5.ให้ PHEOC รายงานสถานการณ์ทุกวัน และ 6.สนับสนุนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นร่วมดูแลประชาชนจากปัญหาฝุ่นละอองในพื้นที่