"ชลน่าน" เปิดศูนย์รังสีรักษา รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ ดูแลผู้ป่วยมะเร็งชาว "เชียงราย-พะเยา" เข้าถึงการฉายรังสีประมาณ 1,200 รายต่อปี ลดค่าใช้จ่ายเดินทางไป รพ.มะเร็งลำปาง หลังพบก่อนหน้านี้ 25% ต้องหลุดระบบรักษาจากเงินค่าเดินทาง
เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่ รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังเปิดอาคารรังสีรักษา ว่า รัฐบาลและ สธ.ได้กำหนดให้ “มะเร็งครบวงจร” เป็น 1 ในนโยบายมุ่งเน้นที่ต้องเร่งรัดดำเนินการ ครอบคลุมทุกมิติ ตั้งแต่การส่งเสริมป้องกัน คัดกรอง ตรวจวินิจฉัย รักษา และดูแลฟื้นฟูกายใจ โดยเฉพาะในมะเร็ง 5 ชนิด ที่พบมากและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ได้แก่ มะเร็งตับ มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง มะเร็งเต้านม และมะเร็งปากมดลูก
การเปิดศูนย์รังสีรักษา รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ พร้อมมีทีม Cancer Warrior ช่วยดูแล เพิ่มความรอบรู้ สร้างพฤติกรรมป้องกันมะเร็งให้กับประชาชนจังหวัดเชียงราย ตามแนวทาง Quick Win “มะเร็งครบวงจร” จะช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งของเชียงรายและพะเยา ที่มีประมาณ 2,400 ราย/ปี ซึ่งครึ่งหนึ่งจำเป็นต้องรับการรักษาด้วยการฉายรังสี (ข้อมูล 3 ปีย้อนหลัง) ได้เข้าถึงบริการ ลดการกลับเป็นซ้ำของโรคมะเร็ง และบรรเทาอาการของโรคในระยะแพร่กระจาย ส่งผลให้มีโอกาสหายจากโรคมะเร็งได้มากขึ้น ทั้งยังเป็นการอำนวยความสะดวก ช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทางอีกด้วย
ด้าน พญ.อัจฉรา ละอองนวลพานิช ผอ.รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ กล่าวว่า รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์ เป็นโรงพยาบาลศูนย์ขนาด 758 เตียง รับผิดชอบผู้ป่วยโรคมะเร็งจังหวัดเชียงรายและพะเยา โดยมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชาย ได้แก่ 1.มะเร็งตับ 2.มะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง 3.มะเร็งปอด ส่วนในเพศหญิงพบมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งลำไส้ใหญ่และไส้ตรง ตามลำดับ ส่วนมะเร็งที่เป็นสาเหตุการตายสูงสุด คือ มะเร็งปอด มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ และมะเร็งเต้านม ตามลำดับ
เดิมผู้ป่วยที่ต้องรับการรักษาด้วยรังสี ส่วนใหญ่ประมาณ 900 รายต่อปี ต้องไปรับการรักษาที่ รพ.มะเร็งลำปาง ทำให้มีผู้ป่วยราวร้อยละ 25 ที่ไม่เดินทางไปรับการรักษา เนื่องจากมีภาระด้านค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ค่าที่พัก ค่าอาหาร ประมาณ 15,000 บาทต่อราย รพ.เชียงรายประชานุเคราะห์จึงได้ก่อสร้างอาคารรังสีรักษา 6 ชั้น เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก โครงสร้างต้านแผ่นดินไหว ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 123,900,000 บาท เพื่อช่วยให้ผู้ป่วยมะเร็งได้เข้าถึงบริการด้านรักษา ลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยและครอบครัว โดยได้เริ่มทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาศักยภาพบุคลากรในการให้บริการด้านรังสีรักษา และพัฒนาระบบสารสนเทศรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างสถานบริการในเครือข่าย เพื่อความต่อเนื่องในการดูแลผู้ป่วย และนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารจัดการระบบและบริการแบบเบ็ดเสร็จ เพื่อประสิทธิภาพการบริการและคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน