สบส.ตรวจคลินิกย่านบางเขน หลัง "เผายาหน้าท้อง" เน็ตไอดอลสาวจนไฟลุกตัวเจ็บสาหัส พบเปิดเป็นสหคลินิกถูกต้อง แต่ไม่พบแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มีโทษคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท โฆษณาไม่ขออนุญาต สั่งปรับปรุงหากฝ่าฝืนสั่งปิดชั่วคราว
เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. นพ.สุระ วิเศษศักดิ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีกัน จอมพลัง นำเน็ตไอดอลสาวที่ได้รับความเสียหายจากการเข้ารับบริการ "เผายาหน้าท้อง" กับคลินิกแห่งหนึ่งย่านบางเขน จนไฟลุกตัว จากแอลกอฮอลล์ที่ใช้ในการเผาสมุนไพรไหลโดนบริเวณอื่นของร่างกาย ว่า สบส.ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว ตนจึงสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่กองกฎหมาย และกองสถานพยาบาลและการประกอบโรคศิลปะ เข้าร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจนครบาลบางเขน และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริงคลินิกดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์การค้า ย่านบางเขน กทม. ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า คลินิกดังกล่าวมีการขออนุญาตประกอบกิจการในลักษณะสหคลินิกอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ให้บริการการแพทย์แผนไทย และแพทย์แผนจีน อาทิ นวดประคบสมุนไพร ฝังเข็ม ครอบแก้ว กัวซา ฯลฯ
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ ไม่พบแพทย์ผู้ดำเนินการสถานพยาบาล แต่พบแพทย์ผู้ให้บริการ และเจ้าหน้าที่ประจำคลินิก พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ จึงสอบถ้อยคำในเบื้องต้น พร้อมตรวจสอบเวชระเบียน เอกสารประวัติการรักษา และการโฆษณาของคลินิกในสื่อโซเชียล พร้อมให้แพทย์ผู้ให้บริการสาธิตกระบวนการ “เผายาหน้าท้อง” แก่พนักงานเจ้าหน้าที่ฯ เมื่อจัดเก็บข้อมูลเสร็จสิ้นแล้วจึงแจ้งข้อหาการกระทำผิดในเบื้องต้นตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 ต่อคลินิก ได้แก่ 1.ประกอบกิจการสถานพยาบาลโดยมิได้จัดให้มีผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
2. โฆษณาโดยมิได้ขออนุมัติ ข้อความ เสียง หรือภาพที่ใช้ในการโฆษณาหรือประกาศจากผู้อนุญาต ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท และให้ปรับอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาทนับแต่วันที่ฝ่าฝืนคำสั่งที่ให้ระงับการโฆษณาหรือประกาศ และมีคำสั่งทางปกครองให้ผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล ปรับปรุงมาตรฐานสถานพยาบาลให้ถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด ภายในระยะเวลา 15 วัน มิฉะนั้น จะมีคำสั่งให้ปิดสถานพยาบาลเป็นการชั่วคราว ส่วนมาตรฐานการให้บริการของแพทย์ สบส.จะส่งเรื่องให้สภาวิชาชีพตรวจสอบความถูกต้อง พร้อมจะมีการเรียกตัวผู้ประกอบกิจการ และผู้ดำเนินการสถานพยาบาล มาให้ถ้อยคำเพิ่มเติมกับ สบส. ต่อไป