"สันติ" เผยรัฐบาลดัน "นวดไทย-อาหารไทย-สมุนไพรไทย" เป็น Soft Power สร้างงานสร้างอาชีพ สร้างรายได้ กรมแพทย์แผนไทยตั้งเป้าอบรมหมอนวดไทย 5 พันคนใน 6 เดือน เพิ่มการใช้ยาสมุนไพรเมื่อเจ็บป่วย 10%
เมื่อวันที่ 29 พ.ย. ที่โรงแรมริชมอนด์ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวระหว่างเปิดการประชุมและปาฐกถาพิเศษ “การประชุมสื่อสารนโยบายมุ่งเน้นและการมอบนโยบายกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ประจําปีงบประมาณ 2567" ว่า ไทยมีความโดดเด่นของภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร ที่สามารถขับเคลื่อนท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ รัฐบาลมีนโยบายสนับสนุนการสร้างพลังสร้างสรรค์ (Soft power) ของประเทศ เพื่อยกระดับ พัฒนาความรู้ความสามารถ ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ให้สร้างงาน สร้างรายได้ อนุรักษ์ฟื้นฟูและพัฒนาต่อยอด ศิลปะ วัฒนธรรม ส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น นำมาต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม คือ 1.นวดไทยถือเป็นอัตลักษณ์ของไทย เป็นที่รู้จักของนานาประเทศ สธ.ได้ผลิตบุคลากรให้บริการนวดไทยเพื่อสุขภาพผ่านการรับรองกว่า 30,000 คน ทั้งภาครัฐและเอกชน
2.อาหารไทย ซึ่งไทยมีรายได้จากการท่องเที่ยวด้านอาหารสูงถึง 20% ของรายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งหมด ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา รายได้จากอาหารและเครื่องดื่มของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5.74% และ ธ.ค. 2566 กําลังจะมีงาน Kick off มหกรรมท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ และอาหารเพื่อสุขภาพ ที่จ.เพชรบูรณ์ และ 3.สมุนไพรไทย มีการประกาศสมุนไพร Herbal Champions 15 รายการ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือ สมุนไพรที่มีความพร้อมพัฒนาต่อยอด 3 รายการ ได้แก่ ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และกระชายดํา กลุ่มที่ 2 คือ สมุนไพรที่มีศักยภาพและต้องการความต่อเนื่องในการพัฒนา 12 รายการ ได้แก่ กระชาย มะขามป้อม ไพล กวาวเครือขาว ขิง กระท่อม ว่านหางจระเข้ บัวบก มะระขี้นก กัญชง กัญชา และเพชรสังฆาต
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยฯ กล่าวว่า เป้าหมายการขับเคลื่อนภายในปี 2570 มี 3 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1.ประชาชนเชื่อมั่น เมื่อเจ็บป่วยประชาชนดูแลสุขภาพตนเองด้วยยาสมุนไพรเพิ่มขึ้นเป็น 10% 2.บริการเป็นเลิศ ประชาชนเลือกใช้บริการการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เมื่อเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นเป็น 10% และ 3.ภูมิปัญญาสร้างคุณค่า ลำดับของมูลค่าการบริโภคสมุนไพรในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 90,000 ล้านบาท และเป็นท็อป 3 ของเอเชีย โดยปี 2566 มูลค่าอยู่ที่ 56,994 ล้านบาท และเป็นลำดับ 4 ของเอเชีย รองจากจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
นโยบายปี 2567 จุดเน้นการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ 1.ยกระดับการแพทย์แผนไทยฯ หนุนเสริมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพ โดยเฉพาะนวดไทย ซึ่งต่างประเทศมีความต้องการแรงงานกลุ่มนี้ปีละเป็นหมื่นคน มีเป้าหมายจำนวนผู้สำเร็จการอบรมนวดไทย 5,000 คนภายใน 6 เดือน เป็นการสร้างงาน สร้างอาชีพ, อาหารไทย ,ผลิตภัณฑ์สมุนไพร การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพทั่วประเทศมี 93 แห่งใน 28 จังหวัด และWellness communities ขับเคลื่อนศูนย์เวลเนสอัตลักษณ์ไทย(TWD) ปัจจุบันผ่านการรับรองแล้ว 36 แห่ง แบบที่พักนักท่องเที่ยว 13 แห่ง ภัตตาคาร 6 แห่ง นวดเพื่อสุขภาพ 4 แห่ง สปาเพื่อสุขภาพ 10 แห่ง และสถานพยาบาล 3 แห่ง โดยจะมีการพัฒนาศูนย์ Wellness ที่ตอนนี้มีอยู่ 459 แห่งให้เป็น TWD มากขึ้น
และ 2.Service plan ผลักดันให้การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกมีบทบาทสำคัญ สร้างความเชื่อมั่นการจัดบริการดูแลสุขภาพ มีเป้าหมายประชาชนที่มารับบริการในระดับปฐมภูมิได้รับการรักษาด้วยการแพทย์แผนไทยฯ ไม่น้อยกว่า 40% การดูแลผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาต ไม่น้อยกว่า 10% พัฒนามาตรฐานการผลิตยาจากสมุนไพรใน รพ.รัฐให้ได้มาตรฐาน WHO GMP ปัจจุบันผ่านแล้ว 46 แห่ง จะพัฒนาให้ทั้ง 46 แห่งมีการตกลงร่วมกันภายในเขตสุขภาพให้เกิดความยั่งยืน ใช้หลัก Economy of Scale ลดต้นทุนการผลิต ลดรายการยาที่ผลิตในแต่ละ รพ. หากราคายาที่ผลิตแล้วแพงกว่าให้จัดหายาผ่านภาคเอกชน และยากำพร้าให้กรมเป็นหลักในการวางแผนการผลิต