กรมสุขภาพจิต ย้ำพบคนส่อป่วยจิต มีภาวะอันตราย โทร 191 แจ้งส่งรักษาได้ตาม กม. หลังเกิดเคสชายไล่ฟันครู-นร. พบป่วยจิตเวชไม่กินยารักษา ย้ำญาติเข้มให้กินยาต่อเนื่อง ป้องกันอาการกำเริบ หากผู้ป่วยปฏิเสธให้ประสาน รพ.เปลี่ยนเป็นยาฉีด
เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นพ.พงศ์เกษม ไข่มุกด์ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวถึงกรณีชายถือมีดตัดอ้อยบุกไล่ฟันครู-นักเรียน จนต้องหลบหนีกันอย่างชุลมุน เบื้องต้นเป็นผู้ป่วยจิตเวชที่ไม่กินยาต่อเนื่อง ว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มีนโยบายที่จะผลักดันผู้ป่วยจิตเวชยาเสพติดเข้าสู่ระบบการดูแลรักษา ให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตในชุมชนได้อย่างปกติ แต่มาตรการที่ควรดำเนินการควบคู่กัน คือ การเฝ้าระวัง และช่วยกันเป็นหูเป็นตาที่จะสังเกตพฤติกรรม สัญญาณเตือนของบุคคลที่จะนำมาซึ่งความรุนแรง เพราะตาม พ.ร.บ.สุขภาพจิต ได้มีการกำหนดกฎหมายเพื่อคุ้มครองประชาชนโดยทั่วไป ซึ่งตามมาตรา 22 บุคคลที่มีความผิดปกติทางจิตกรณีใดกรณีหนึ่งนี้ เป็นบุคคลที่ต้องได้รับการบำบัดรักษา คือ 1.มีภาวะอันตราย และ 2.มีความจำเป็นต้องได้รับการบำบัดรักษา โดยมาตรา 23 ผู้ใดพบบุคคลซึ่งมีพฤติการณ์อันน่าเชื่อว่าบุคคลนั้นมีลักษณะตามมาตรา 22 ให้แจ้งต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ พนักงานฝ่ายปกครอง หรือตำรวจโดยไม่ชักช้า และให้นำผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางจิตส่งสถานพยาบาลเพื่อให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยอาการ
"หากประชาชนท่านใดพบบุคคลใกล้ชิด หรือบุคคลทั่วไปที่แสดงอาการผิดปกติหรือมีอาการกำเริบ หากมีแนวโน้มความรุนแรงมากและเป็นอันตราย สามารถโทรแจ้งเหตุสายด่วนตำรวจ 191 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่ไม่รุนแรง สามารถโทรขอคำปรึกษาที่ สายด่วนสุขภาพจิต 1323" นพ.พงศ์เกษมกล่าว
นพ.จุมภฎ พรมสีดา รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปัจจุบันการรับยาของผู้ป่วยจิตเวชสะดวกและเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยผู้ป่วยในระบบสามารถทำได้โดยการรับผ่านหน่วยงานสาธารณสุขใกล้บ้าน แต่ปัญหาที่พบคือการที่ผู้ป่วยไม่รับประทานยาอย่างต่อเนื่อง จนบางรายอาการกำเริบและนำไปสู่การก่อความรุนแรง ซึ่งครอบครัวต้องให้ความร่วมมือสอดส่องให้ผู้ป่วยรับประทานต่อเนื่อง แม้ว่าอาการจะดีขึ้นแล้ว หรือความผิดปกติที่เคยมีเช่น หูแว่ว ประสาทหลอนจะไม่มีแล้วก็ตาม อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านั้นไม่ได้แปลว่าหายขาด ต้องรับประทานยาอย่างสม่ำเสมอ อย่าหยุดยาเอง ต้องห้ามผู้ป่วยไม่ให้ใช้สารเสพติดทุกชนิด เช่น เหล้า บุหรี่ ไปพบแพทย์ตามนัดทุกครั้ง หากปฏิบัติตามที่กล่าวมา จะไม่มีปัญหาอาการกำเริบและมีโอกาสหายสูง โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการป่วยครั้งแรก แต่หากปล่อยให้อาการกำเริบซ้ำแล้วซ้ำอีก จะมีโอกาสป่วยเรื้อรัง รักษาไม่หายขาด ต้องพึ่งยาตลอดชีวิต เช่นเดียวกับผู้ที่มีเป็นโรคประจำตัวทั่วไป
"ปัญหาหลักที่ทำให้ผู้ป่วยจิตเวชอาการกำเริบส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่ยอมกินยา เพราะคิดว่าไม่ได้ป่วยหรือเชื่อว่าตนหายดีแล้ว ซึ่งหากญาติหรือครอบครัวพบว่าผู้ป่วยไม่รับประทานยา ให้รีบประสานงานหน่วยงานสาธารณสุขที่ดูแลเพื่อหาทางวางแผนการรักษารูปแบบอื่น และปรับเป็นให้ยาฉีดชนิดออกฤทธิ์นาน เพื่อป้องกันอาการกำเริบต่อไป" นพ.จุมภฎกล่าว