xs
xsm
sm
md
lg

"ชลน่าน" แจงยาบ้า 5 เม็ดเป็นผู้เสพ ต้องผ่าน 3 เงื่อนไขถึงพ้นผิด ยันกระจาย "มินิธัญญารักษ์" ทุกจังหวัดใน ธ.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"ชลน่าน" ยันยาบ้า 5 เม็ด สันนิษฐานผู้เสพ จริงๆ ยังผิดกฎหมาย ต้องทำตามเงื่อนไข 3 ข้อ สมัครใจบำบัด เข้าสู่กระบวนการบำบัดได้ 3 ทางต้องบำบัดจนครบได้ใบรับรองถึงพ้นโทษ หากหนีไม่ครบคอรสฟื้นฟู ศาลตัดสินคดีใหม่ได้ มั่นใจกระจายมินิธัญญารักษ์ทุกจังหวัดใน ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ที่อาคารอิมแพคฟอรั่ม เมืองทองธานี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบนโยบายในงานประชุมวิชาการยาเสพติดแห่งชาติ ครั้งที่ 23 “ทิศทางการบำบัดยาเสพติดในอนาคต : ประมวลกฎหมายยาเสพติดสู่การปฏิบัติ” ว่า รัฐบาลและ สธ.มีนโยบายแก้ไขปัญหายาเสพติด ยึดหลักการ “เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วย” ให้เข้าสู่กระบวนการบำบัดและฟื้นฟู ตาม พ.ร.บ.ให้ใช้ประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ให้โอกาสผู้เสพเป็นผู้ป่วย กลับมาใช้ชีวิตในสังคมอย่างปกติสุข เพราะมาตรการเดิมๆ ที่ใช้กันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นจับกุม คุมขัง เอาโทษหนัก เป็นวิธีการที่ใช้ไม่ได้ผล แถมเป็นการซ้ำเติมให้เกิดปัญหามากขึ้น จึงมีความเชื่อว่าถ้าเราให้โอกาสให้เขา กลับคืนสู่สังคมได้โดยผ่านกระบวนการบำบัดรักษาจะเป็นการแก้ปัญหายาเสพติดที่น่าจะได้ผล

"ปัญหายาเสพติดเป็นปัญหาระดับชาติ การใช้มาตรการใดมาตรการหนึ่งจะไม่ได้ผล ต้องใช้ร่วมกันทุกมาตรการ ทั้งป้องกันที่เข้มข้น บำบัดรักษาฟื้นฟูอย่างเข้มข้น และบังคับใช้กฎหมายในการปราบปราม ไม่ว่าจะเป็นตัวยาหรือสารตั้งต้น จะหวังเรื่องบำบัดยาเสพติดอย่างเดียวคงเป็นไปไม่ได้ เราเห็นว่า เรื่องนี้เป็นปัญหาเร่งด่วนจึงกำหนดเป็นนโยบาย Quick Win แล้วเสร็จ 100 วัน ซึ่งหมายถึง เริ่มกระบวนการทำงาน เพื่อรอให้สิ่งที่เราทำออกดอก ออกผล เช่น ผู้ผ่านการบำบัดรักษา ผู้ที่คืนกลับสู่สังคมได้ ซึ่งตรงนี้ต้องใช้เวลา โดย สธ. มีสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) เป็นหน่วยงานหลัก ตั้งแต่ปี 2543 จัดให้มีการประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผลงานด้านวิชาการ ทักษะ และเทคนิคปฏิบัติงาน สามารถนำไปประยุกต์ใช้งานได้จริงถึง 90%" นพ.ชลน่านกล่าว


นพ.ชลน่านกล่าวว่า สำหรับการครอบครองยาเสพติดประเภทที่ 1 คือ เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า โดยหลักแล้วถือว่ามีความผิดทางกฎหมาย แต่ด้วยกฎหมายเปิดโอกาสให้คนได้กลับตัวกลับใจ จึงให้มีการกำหนดปริมาณสารเสพติดที่ถือว่าเป็นผู้ป่วย จึงมีการพิจารณากำหนดไว้ หากมียาบ้าไม่เกิน 5 เม็ดคือหน่วยการใช้ หรือ 500 มิลลิกรัมของน้ำหนักสุทธิ ให้สันนิษฐานว่าเป็นผู้เสพ หากสมัครใจเข้ารับการบำบัดจนจบกระบวนการได้รับการรับรองแล้ว ก็จะพ้นโทษได้ ซึ่งจะเป็นไปตามนี้หรือไม่ อยู่ขั้นตอนรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนี้จะเข้าสู่ครม.เพื่อเห็นชอบ จึงจะออกประกาศได้ และนำสู่การปฏิบัติเพื่อให้โอกาสคนที่เสพมีไว้ครอบครอง อยางไรก็ตาม โซเชียลมีเดียมักโจมตีว่า หมอชลน่าน กำหนดยาบ้าถือครองต่ำกว่า 5 เม็ดไม่ผิดกฎหมาย พูดสั้นไป เพราะจริงๆ ต้องมีเงื่อนไข 3 ข้อ หากไม่มียังไงก็ติดคุก คือ 1.สมัครใจรักษา 2.เข้าสู่กระบวนการรักษาจนครบ และ 3.ได้รับการรับรอง หากผ่านแค่ 2 ข้อแรก แต่ไม่มีหนังสือรับรองถือว่ามีความผิดอยู่จนกว่าจะได้หนังสือรับรองถึงจะไม่ผิด

เมื่อถามย้ำกรณีหากอยู่ในชั้นศาลแล้วและผู้เสพขอสมัครใจรักษา คดีถือว่าสิ้นสุดหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หลักเกณฑ์ที่เขียนในกฎหมายชัดเจน การเข้าสู่การบำบัดรักษาทำได้ 3 กรณี คือ 1.ก่อนถูกจับ หากรู้ตัวเองว่า มีไว้ครอบครองเพื่อเสพ เช่น มี 4-5 เม็ดแต่สมัครใจบำบัดรักษาก็เข้าขั้นตอนได้ 2.ขณะที่ถูกจับ เช่น ตำรวจจับครอบครอง 5 เม็ดและไม่มีพฤติกรรมการการค้า เพราะค้าเพียง 1 เม็ดก็ถือว่าผิด ซึ่งกลุ่มนี้แจ้งกับตำรวจ แจ้งกับ ป.ป.ส.ว่าขอสมัครใจเข้าบำบัดรักษา ทางเจ้าหน้าที่ก็มีดุลยพินิจให้เข้าสู่กระบวนการรักษาได้จนผ่านกระบวนการจนรับหนังสือรับรอง และ 3.เข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว มียาบ้า 5 เม็ดไม่มีพฤติกรรมการค้า ศาลมีดุลยพินิจภายใต้ความคิดเห็นของอัยการก็สามารถส่งไปบำบัดรักษาได้เช่นกัน ซึ่งผู้เสพต้องสมัครใจ และเมื่อเข้าสู่กระบวนการจนครบ ศาลสามารถสั่งยุติคดีได้ แต่หากบำบัดไป 2 สัปดาห์แล้วเกิดหนี ศาลสามารถนำคดีมาพิจารณาใหม่ได้ หรือบำบัดไม่ผ่านก็นำมาพิจารณาคดีใหม่ได้ ทั้งหมดเป็นโอกาสให้ผู้เสพกลับคืนสู่สังคม ตัดวงจรการค้า


เมื่อถามว่ามินิธัญญารักษ์จะตั้งครบทุกจังหวัดใน 100 วันเลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า นโยบายนี้ทำเป็น Quick Win 100 วัน ตั้งใจว่าสถานบำบัดจะต้องกระจายให้ทั่วถึงมากที่สุด โดยต้องครบทุกจังหวัดภายในธันวาคมนี้ ถามต่อว่า QuickWin 100 วันในเรื่องผู้ป่วยยาเสพติดและจิตเวช จะสามารถทำได้ทันตามกำหนดเวลาหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า 1.เชิงโครงสร้างสถานบริการมั่นใจว่าประกาศภายในควิกวินได้ 2.ส่วนเนื้อหาสาระในการบำบัดรักษานั้นก็สามารถดำเนินการได้ เช่น กฎกระทรวงที่ต้องยึดถือปฏิบัติก็สามารถทำได้ภายในกำหนดเวลา และ3.ผลการปฏิบัติการดูแลก็จะเป็นไปตามระยะเวลา

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดสธ.กล่าวว่า การติดยาและสารเสพติดมักพบร่วมกับปัญหาทางจิตเวชได้บ่อย โดยปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้น พบว่า ร้อยละ 60 มักเกิดจากผู้ป่วยจิตเวชและยาเสพติด ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ส่งผลให้จำนวนเตียงรองรับผู้ป่วยยาเสพติดรวมทั่วประเทศไม่เพียงพอและไม่ครอบคลุมทุกเขตสุขภาพ กรมการแพทย์ โดย สบยช.และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง จึงร่วมกันพัฒนารูปแบบการบำบัดรักษาและฟื้นฟูฯ ชื่อ “มินิธัญญารักษ์” เพื่อ เพิ่มการเข้าถึงบริการในผู้ป่วยติดยาและสารเสพติด ให้ได้รับการบำบัดอย่างต่อเนื่อง ไร้รอยต่อ ในโรงพยาบาลสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุขที่มีความพร้อมและศักยภาพในการบำบัดรักษาและฟื้นฟู ทั้งระยะเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน การดูแลระยะกลาง และการบำบัดฟื้นฟูระยะยาว ช่วยลดอันตรายจากการใช้ยาและสารเสพติด โดยมีเป้าหมาย “1 จังหวัด 1 มินิธัญญารักษ์” ตามนโยบาย Quick Win 100 วันของรัฐบาล

ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สบยช. กล่าวว่า ปีงบประมาณ 2566 มีการบำบัดผู้ติดยาเสพติดทั้งประเทศรวม 186,104 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศชาย 168,369 คน เพศหญิง 17,735 คน ช่วงอายุที่พบมากที่สุด คือ มากกว่า 39 ปี จำนวน 57,048 คน คิดเป็นร้อยละ 30.65 รองลงมาคือ วัยรุ่นอายุ 18-24 ปี จำนวน 31,667 คน คิดเป็นร้อยละ 17.02 และอายุ 25-29 ปี จำนวน 31,581 คน คิดเป็นร้อยละ 16.97 ส่วนใหญ่มีอาชีพรับจ้าง ว่างงาน และการเกษตร โดยเป็นการใช้ยาบ้ามากที่สุด ร้อยละ 84.54 ตามด้วยเฮโรอีน ร้อยละ 4.05 และกัญชา ร้อยละ 3.46 แยกเป็น เข้ารับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก ร้อยละ 57.29 ผู้ป่วยในระยะบำบัดด้วยยา ร้อยละ 5.74 ผู้ป่วยในระยะฟื้นฟูสมรรถภาพ ร้อยละ 0.6 ฟื้นฟูสมรรถภาพในชุมชน ร้อยละ 8.41 และ อื่นๆ ร้อยละ 27.96 ทั้งนี้ สบยช. และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ภูมิภาค ทั้ง 6 แห่ง มีผู้เข้ารับการบำบัดรักษาและฟื้นฟูสมรรถภาพ ที่มีความยุ่งยากซับซ้อน จำนวน 11,080 คน จำแนกเป็นผู้ป่วยนอก จำนวน 5,630 คน คิดเป็นร้อยละ 50.81 ผู้ป่วยใน จำนวน 5,424 คน คิดเป็นร้อยละ 49.19


กำลังโหลดความคิดเห็น