หมอเผยแนวทางรักษาเด็ก ม.3 ถูกรุ่นพี่ฉีดขี้ผึ้ง ทำเจ้าโลกเน่า พบผิวหนังเส้นประสาทถูกทำลายกว่า 50% วางแผนผ่าตัดเอาสารแปลกปลอมออก ก่อนซ่อมแซมเส้นประสาท คาดใช้เวลา 3 เดือนแล้วดูกลไกการแข็งตัว ชี้ยังกลับมาเป็นปกติได้ แต่ต้องดูแลภาวะ PTSD ส่งผลอารมณ์ทางเพศจนกึ่งเสื่อมสมรรถภาพได้
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. พ.ต.ต.นพ.จิรวีร์ จันทรานุกูล แพทย์ศัลยกรรมยูโรวิทยา ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการรักษานายเอ (นามสมมติ) อายุ 15 ปี นักเรียนชั้น ม.3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นาบอน จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกรุ่นพี่ฉีดสารบางอย่างเข้าอวัยวะเพศ จนเกิดความเสียหายรุนแรง ว่า จากการสอบถามพบว่า สารที่น้องถูกฉีดเข้าไปน่าจะเป็นขี้ผึ้งป้ายตา ที่เอาไปทำให้เดือดแล้วฉีดเข้าไป ทำให้เกิดเป็นก้อนพาราฟินที่แข็งเหมือนพลาสติก ส่งผลให้ผิวหนังและเส้นประสาทตรงนั้นถูกทำลายเกือบทั้งหมด ซึ่งน้องได้เข้ารับการรักษาเอาออกไปแล้วที่ต่างจังหวัดรอบหนึ่ง แต่เนื่องจากเรื่องของศักยภาพและจำนวนคนไข้ในต่างจังหวัดที่มาก จึงทำให้ยังเอาส่วนแปลกปลอมตรงนี้ออกไม่หมด ประกอบกับน้องยังมีปัญหาคือ ทุกวันนี้แทบแข็งตัวไม่ขึ้นเลย บริเวณแผลมีปัญหาแทบปริแตกออกมา ซึ่งแนวทางการรักษาจะต้องเอาสารแปลกปลอมออกให้หมดก่อน โดยวางแผนว่าจะผ่าคืนนี้หรือพรุ่งนี้ โดยตั้งใจจะทำครั้งเดียวให้จบ เพื่อให้น้องกลับไปโรงเรียนได้เร็ว มิเช่นนั้น หากมีสารที่เหลือก็จะทำให้อักเสบ เป็นๆ หายๆ แล้วจะไม่หายจากอาการเจ็บ จากนั้นจะดำเนินการซ่อมแซมเส้นประสาทส่วนที่เหลืออยู่ จากการตรวจเบื้องต้น เส้นประสาทน้องถูกทำลายไปประมาณ 50% น่าจะกลับมาเป็นเกือบปกติได้ เพราะน้องเขารักษาเร็ว
พ.ต.ต.นพ.จิรวีร์กล่าวว่า ขั้นตอนการเอาสารแปลกปลอมออกนั้น เราพบว่า หลังจากฉีดสารนี้เข้าไปทำให้เกิดพาราฟินที่แข็งเหมือนพลาสติก ตั้งแต่บริเวณเหนือแกนของอวัยวะเพศมาจนมาถึงผิวหนังชั้นบนสุดเลย จึงไม่สามารถควักเฉพาะส่วนที่อยู่ข้างใต้ได้ ทำให้ต้องตัดส่วนที่อยู่เหนือแกนออกมาทั้งหมด แล้วใช้ผิวหนังบริเวณส่วนอื่นเข้ามาซ่อมแซม ซึ่งเราจะใช้ผิวหนังจากส่วนของหนังถุงอัณฑะที่สามารถยืดได้เยอะ 5-10 เท่า เพราะหากใช้ผิวหนังบริเวณอื่น เช่น แขนหรือขาไปแปะ ความยืดหยุ่นจะน้อยอาจมีปัญหาเรื่องการแข็งตัวได้ ส่วนเรื่องขนจากหนังถุงอัณฑะก็สามารถใช้การเลเซอร์ช่วยได้ นอกจากนี้ จะมีการติดตามฟอล์โลว์อัปจะทำเป็นระยะอีกประมาณ 3 เดือน เพราะมีเรื่องของเส้นประสาทที่ถูกทำลายไปด้วย โดยช่วงแรกเน้นทำแผลให้ดี ซึ่งแผลน่าจะหายในเวลา 2-4 สัปดาห์ เพราะน้องยังเด็กอยู่ร่างกายแข็งแรง แผลน่าจะหายเร็ว และอีก 2 เดือนที่เหลือจะโฟกัสการดูว่าเส้นประสาทกับกลไกแข็งตัวของน้องมีปัญหาหรือไม่ ถ้ามีก็จะได้แก้ไขในครั้งเดียว
ถามว่าการที่เส้นประสาทถูกทำลายมากจะส่งผลเรื่องของการแข็งตัวและอารมณ์ทางเพศด้วยหรือไม่ พ.ต.ต.นพ.จิรวีร์กล่าวว่า เรื่องอารมณ์ทางเพศ มีหลายปัจจัยมาก ซึ่งจู๋ตรงเส้นประสาทถือว่าเป็นปลายแล้ว อารมณ์ทางเพศอาจจะไม่เกี่ยว แต่คนไข้ส่วนมากที่เส้นประสาทมีปัญหาหรือมีแผลมีปัญหาตรงจู๋จะมีปัญหาเรื่องอารมณ์ทางเพศด้วย มาจากภาวะทางจิตใจคล้ายกับ PTSD ซึ่งอย่างรายของน้องคนนี้ก็เจอ อย่างทุกครั้งที่เจ็บแผล หรือเห็นแผล หรือคลำดูแล้วชา ก็จะนึกย้อนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา เหตุการณ์นี้เกิดกับคนไข้ทั่วไปด้วยที่เคยฉีดสารด้วยตัวเองมาแล้วอักเสบติดเชื้อ หลายคนจะมีอาการนี้ได้ กึ่งๆ เสื่อมสมรรถภาพทางเพศไปเลย เพราะเท่าที่ตรวจกลไกการแข็งตัวของน้องก็ยังดีอยู่ ทั้งนี้ การแข็งตัวจะถูกกำหนดโดยเส้นประสาท ซึ่งเส้นประสาทเรื่องการแข็งตัวอยู่ลึกและอยู่ในแกนตัวมากกว่าไม่ได้อยู่ตรงผิวหนัง ขนาดบางคนที่มีปัญหาชาไปแล้ว หรือกระดูกสันหลังหัก น้องชายก็ยังแข็งได้ การแข็งตัวไม่ได้ถูกกำหนดจากเส้นประสาทตรงนี้มากเท่าไร จะเกี่ยวกับหลอดเลือดมากกว่า
เมื่อถามถึงการเข้ามารักษาด้วยการฉีดอวัยวะเพศพบมากน้อยแค่ไหน พ.ต.ต.นพ.จิรวีร์กล่าวว่า ในประเทศไทยเราเจอเยอะมาก ทุกวันนี้เสิร์ชดูก็มีคนสอนฉีดน้ำมันมะกอกก็เยอะ คิดค่าสอน 2 พันบาท เตรียมเข็ม เตรียมน้ำมันมาเอง กลายเป็นว่ามีคนทำกันเยอะมาก แล้วพวกนี้ตอนทำไม่รู้ คนไปทำก็ไม่รู้ พอสุดท้ายมีปัญหาหรือเป็นมะเร็งก็มาเสียใจทีหลัง
ถามว่าการฉีดสารพวกนี้เข้าไปจริงๆ แล้วไม่ได้ช่วยให้การมีเพศสัมพันธ์ดีขึ้นใช่หรือไม่ พ.ต.ต.นพ.จิรวีร์กล่าวว่า จริงๆ ผู้ชายที่อยากอวัยวะเพศใหญ่เท่าที่ตนเคยรักษา ส่วนมากที่เจอของเดิมใหญ่อยู่แล้วแต่เหมือนเป็นความต้องการมากกว่า บางคนที่ถามเขาบอกว่าอยากใหญ่กว่านี้ บางคนบอกอยากทรงสวยกว่านี้ ก็วิ่งหาทางที่ประหยัดค่าใช้จ่ายที่สุด บางคนเพื่อนแนะนำมา บางคนคนในครอบครัวฉีดให้หรือซื้อมาฉีดเอง ตนเจอทุกวัน อย่างคลินิกที่ รพ.ตำรวจก็พบเจอทุกวัน
"สำหรับกรณีคนที่ไปกลั่นแกล้งคนอื่นนั้นไม่สมควรอยู่แล้ว เราไม่ควรไปบังคับใครไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม แต่อยากฝากคนที่อยากเพิ่มขนาด ให้หาวิธีที่ถูกหลักทางการแพทย์ ซึ่งสมัยนี้มีเยอะมาก แล้วก็ต้องเลือกหมอให้ดี เพราะหมอบางท่านไม่ได้มีความเชี่ยวชาญแล้วมาทำ ก็ต้องมาแก้ก็มี ถ้าใครรู้สึกว่าอยากขนาดใหญ่ขึ้น อยากมีกิจกรมทางเพศดีขึ้น อาจเป็นธรรมชาติของผู้ชาย ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ต้องเลือกวิธีที่ปลอดภัยและมีผลทางการแพทย์รองรับ" พ.ต.ต.นพ.จิรวีร์กล่าว