สปสช.จัดหาวัคซีน HPV เพิ่มอีก 7 แสนดสใน ธ.ค. เพียงพอลุยฉีด นร.หญิง สาวไทย 11-20 ปี 1 ล้านโดส ใน 100 วัน พร้อมหนุนงบค่าฉีด รพ. ส่วนปี 67 มีเด็กใหม่ต้องฉีดอีกราว 4 แสนคนตามสิทธิ ส่วนจะขยายกลุ่มอายุเพิ่มหรือไม่อยู่ที่นโยบาย แต่พร้อมจัดหาวัคซีนรองรับ
เมื่อวันที่ 12 พ.ย. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงการรณรงค์ฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ว่า เป็นการเริ่มต้นนโยบายมะเร็งครบวงจร และเป็นนโยบาย Quick Win 100 วันแรกของรัฐบาล ตั้งเป้าฉีดวัคซีน HPV ให้กับเด็กนักเรียน นักศึกษาหญิงทั่วประเทศ อายุระหว่าง 11-20 ปี รวม 1 ล้านเข็มในระยะเวลา 100 วัน ทั้งนี้ สปสช. สนับสนุนงบประมาณจัดหาวัคซีน HPV เพื่อเตรียมฉีดกลุ่มเป้าหมายจำนวน 1.9 ล้านเข็ม เป็นวัคซีนที่ สปสช.จัดหาเอาไว้บางส่วนอยู่แล้ว 4 แสนเข็ม และมีวัคซีนที่ภาคเอกชนมอบให้กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) อีก 8 แสนเข็ม อย่างไรก็ตาม ธ.ค. 2566 จะมีวัคซีนที่จัดหาเพิ่มเติมเข้ามาอีกประมาณ 7 แสนเข็ม ซึ่งรวมแล้วเพียงพอต่อการขับเคลื่อนแน่นอน และสามารถเก็บตกกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นด้วย นอกจากนี้ สปสช. ยังจัดงบประมาณค่าบริการฉีดวัคซีนให้หน่วยบริการและ รพ.ต่างๆ ทั่วประเทศไปแล้วตามจำนวนกลุ่มเป้าหมาย ทำให้ทั่วประเทศสามารถเดินหน้าและเริ่มฉีดวัคซีน HPV ได้ทันที
นพ.จเด็จ กล่าวว่า สำหรับกลุ่มอายุอื่นๆ ที่ต้องการฉีดวัคซีน HPV ด้วย ก็อยู่ที่นโยบายของรัฐบาลว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร แต่ช่วงอายุที่เหมาะสมที่สุดคือเพศหญิงที่อายุ 11 ปี ซึ่งเมื่อได้รับวัคซีนแล้วจะมีประสิทธิภาพการป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ดีกว่า อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาองค์การอนามัยโลกเคยแนะนำว่า วัคซีน HPV สามารถฉีดให้กับผู้หญิงได้ถึงอายุ 25 ปี แต่ในส่วนของประเทศไทยจะต้องมีการศึกษาเรื่องนี้ก่อนว่าเหมาะสมหรือไม่ ก่อนจะทำเป็นชุดสิทธิประโยชน์ หรือนโยบายต่างๆ ส่วนกลุ่มอายุอื่นที่เลยวัยฉีดวัคซีน HPV ไปแล้ว ยังสามารถตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยตัวเองง่ายๆ เช่นกัน สามารถไปรับการตรวจมะเร็งปากมดลูกได้ที่ รพ.ที่เข้าร่วมโครงการ ตรวจสอบผ่านแอปฯ เป๋าตัง เมนูกระเป๋าสุขภาพ เลือกสิทธิสุขภาพดีป้องกันโรค หรือสอบถามสายด่วน สปสช. 1330 หรือรับชุดตรวจได้ที่หน่วยบริการหรือ รพ.ของรัฐ ช่วยให้ประเมินอาการและคัดกรองได้ หากมีความเสี่ยงหรือป่วยแล้วจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาที่รวดเร็วและมีโอกาสรอดชีวิต
"เมื่อสิ้นสุดโครงการฉีดวัคซีน HPV ในปี 2567 สปสช. ยังเตรียมจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มเป้าหมาย เพศหญิงอายุ 11 ปี ที่ต้องฉีดวัคซีน HPV เข็มแรกทุกคน ซึ่งเป็นชุดสิทธิประโยชน์ที่ สปสช.ดูแลให้อยู่ คาดว่าจะต้องมีเด็กหญิงอายุ 11 ปีได้รับวัคซีนทุกปี ปีละประมาณ 4 แสนโดส โดยเด็กที่อายุ 10 ขวบในปีนี้ ปีหน้าก็ต้องมารับวัคซีน เพราะเป็นกลุ่มเป้าหมายและอยู่ในชุดสิทธิประโยชน์อยู่แล้ว แต่หากจะขยายไปสู่กลุ่มอายุอื่น ก็อยู่ที่นโยบายของรัฐบาลอีกที แต่ สปสช. พร้อมจัดเตรียมและจัดหาวัคซีนรองรับ รวมถึงค่าบริการฉีดวัคซีนให้กับหน่วยบริ่การ” เลขาธิการ สปสช. กล่าวย้ำ
นพ.จเด็จ กล่าวว่า มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งอีกชนิดที่เราต้องการเอาชนะให้ได้ เพราะขณะนี้มีวัคซีนที่สามารถป้องกันได้ตั้งแต่เริ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเด็กนักเรียนหญิงที่มีอายุ 11 ปีขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงป่วยมะเร็งปากมดลูกในอนาคต ซึ่งเมื่อมีตัวแปรใหม่อย่างเช่น วัคซีน HPV ที่ทำให้จัดการกับโรคได้ สปสช. ก็พร้อมจะนำมาเป็นชุดสิทธิประโยชน์ให้กับประชาชน อีกทั้งมีการศึกษาความคุ้มค่ามาแล้ว พบว่าหากได้รับวัคซีน HPV ตั้งแต่เด็ก จะช่วยให้ลดความเสี่ยงเป็นมะเร็ง และลดค่าใช้จ่ายการรักษามะเร็งหากป่วยในอนาคต ซึ่งโครงการมะเร็งครบวงจร สปสช.พร้อมไปหนุนเสริมในทุกมิติ ทั้งก่อนป่วยที่จะมีการตรวจคัดกรองโรคด้วยวิธีพิเศษ ที่ทำได้ง่าย ประชาชนสามารถตรวจและเก็บสิ่งส่งตรวจได้เอง เพื่อให้สามารถรู้ความเสี่ยงมะเร็ง หากพบก่อนก็จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น และทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตยืนยาวขึ้น ระหว่างป่วยก็จะมีชุดสิทธิประโยชน์การรักษาที่มีประสิทธิภาพ เมื่อเข้าสู่ระยะท้าย อาจต้องได้รับการดูแลประคับประคองที่บ้าน ก็มีสิทธิประโยชน์ที่ดูแลอย่างเป็นระบบเช่นกัน