xs
xsm
sm
md
lg

ย้ำดื่มเหล้าในอุทยาน มีโทษคุก 1 เดือน ปรับ 1 พัน จับมือ 7 อช.เข้มปราม นทท.ช่วงหน้าหนาว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เครือข่ายงดเหล้า ย้ำดื่ม "น้ำเมา" ในอุทยานฯ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน ปรับไม่เกิน 1 พัน เดินหน้าถอดบทเรียนร่วม 7 อุทยาน รับมือนักท่องเที่ยวช่วงหน้าหนาว ด้านอุทยานออบขาน รับเป็นพื้นที่เตรียมการ ยังใช้ประกาศคุมไม่ได้ ต้องเน้นตรวจค้นก่อนเข้าพื่นที่ แต่ช่วงไฮซีซันทำให้ตรวจไม่ทั่วถึง ด้านดอยินทนนท์ สุ่มตรวจร้านค้า หากพบขายเหล้ายกเลิกสิทธิร้านค้า



เมื่อวันที่ 11 พ.ย. ภก.สงกรานต์ ภาคโชคดี ประธานเครือข่ายงดเหล้า กล่าวว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ร่วมกับ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) ร่วมจัดเวทีประชุมเชิงปฏิบัติการถอดบทเรียน “ไม่ขาย ไม่ดื่มในเขตอุทยานฯ และพื้นที่สาธารณะ” ตามประกาศกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ปี 2564 ภายใต้ พ.ร.บ.อุทยานฯ และ พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อแลกเปลี่ยนวิธีการ ปัญหาอุปสรรค ในการปฏิบัติหน้าที่โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่จะถึง จะมีประชาชนหลั่งไหลท่องเที่ยวคึกคักในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งผลกระทบจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในอุทยานฯ ผู้ดื่มจะส่งเสียงดังสร้างความรำคาญแก่บุคคลอื่น นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ต้องการความสงบ ซึ่งประกาศกรมอุทยานฯ ห้ามมิให้นำเข้าไปหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยานแห่งชาติ ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 1 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ การดื่มในที่สาธารณะและการดื่มในที่อุทยานฯ ยังนำมาซึ่งปัญหาขยะโดยเฉพาะเศษแก้ว โดยการถอดบทเรียนมีอุทยาน 7 แห่งเข้าร่วม คือ อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย, อุทยานแห่งชาติออบขาน (เตรียมการ), อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า, อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์, อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน, อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว, และอุทยานแห่งชาติภูชี้ฟ้า


นายสุรเชษฐ์ พินิจงาม ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย กล่าวว่า ภาคเหนือมีป่าที่อุดสมบูรณ์ มีอุทยานขนาดใหญ่หลายแห่ง มีระบบการบริหารจัดการที่ดี การถอดบทเรียนครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรของอุทยานฯ ที่จะได้ทบทวนความรู้และทำความเข้าใจแนวทางปฏิบัติให้เกิดการดำเนินงานเสริมประสิทธิภาพมากขึ้น การดำเนินงานของอุทยานฯ ส่วนใหญ่จะมีการดำเนินการติดป้ายประชาสัมพันธ์ในจุดต่างๆ และจัดเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ให้แก่นักท่องเที่ยว โดยเฉพาะก่อนเข้าอุทยาน และใน facebook ของอุทยาน ตลอดจนรณรงค์โครงการขยะคืนถิ่น เพื่อให้นักท่องเที่ยวมีส่วนร่วมในการจัดเก็บขยะที่นำเข้ามาเพื่อร่วมดูแลธรรมชาติร่วมกัน

นายวัลลภ มังทา ผู้เข้าร่วมจากอุทยานแห่งชาติออบขาน กล่าวว่า อช.ออบขาน มีทางเข้าออกทางเดียว จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าฟรี แต่นักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียนและให้ความร่วมมือในการให้ตรวจค้น รวมถึงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อุปสรรค คือ การเป็นอุทยาน (เตรียมการ) ทำให้ไม่สามารถใช้ประกาศของอุทยานเรื่องห้ามมิให้นำเข้าหรือจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกประเภทในอุทยานแห่งชาติได้ จึงเน้นการตรวจค้นนักท่องเที่ยวก่อนขึ้นอุทยาน ถ้าพบว่ามีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะให้นักท่องเที่ยวฝากเครื่องดื่มดังกล่าวไว้ที่จุดตรวจ ในช่วง high season ที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทำให้ไม่สามารถตรวจนักท่องเที่ยวได้อย่างทั่วถึง อุทยานจัดให้เจ้าหน้าที่เดินตรวจวันละ 2 รอบ ถ้าพบว่ามีการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะเข้าไปเตือน และขอเก็บไปไว้เมื่อนักท่องเที่ยวกลับสามารถไปรับคืนได้






กำลังโหลดความคิดเห็น