สธ.ย้ำหลักการถ่ายโอนยึดตามการวินิจฉัย รองนายกฯ “สมศักดิ์” ชี้ 5 หน่วยงาน สธ.ไม่ใช่ปฐมภูมิ ให้โอนย้ายตามระบบ แต่ไม่ใช่ถ่ายโอน ส่วนปี 68 ยึดหลักการเดียวกัน
จากกรณีคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ก.ก.ถ.) ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน มีมติเมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมา เห็นชอบการถ่ายโอนกลุ่มสมัครใจ 766 คน ประจำปีงบประมาณ 2567 กลุ่มบุคลากร 222 คนที่ปฏิบัติงาน 5 หน่วยงานสังกัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) คือ สาธารณสุขจังหวัด สาธารณสุขอำเภอ รพ.ชุมชน รพ.ทั่วไป และ รพ.ศูนย์ ให้โอนย้ายได้ทุกคน แต่ให้ สธ.ไปจัดทำหลักเกณฑ์ใหม่ โดยเอาเลขตำแหน่งว่าง (ถ.) ที่ อบจ. ขณะที่การถ่ายโอนปีงบประมาณ 2568 ก็ให้ดำเนินการต่อไปนั้น
เมื่อวันที่ 7 พ.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. กล่าวว่า สธ.ยินดีดำเนินการตามมติ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สธ. โดย 1.สธ.เห็นด้วยกับการกระจายอำนาจให้ท้องถิ่น เพราะเชื่อว่าระยะยาวจะเกิดประโยชน์ต่อประชาชน 2.รัฐมนตรีย้ำตลอดว่า การบริการอย่างน้อยต้องเท่าเดิม และอนาคตต้องดีกว่าเดิม และ 3.ต้องไม่เกิดผลกระทบประชาชน ดังนั้น หลักการถ่ายโอนภารกิจก็เป็นการให้บริการประชาชนในท้องถิ่น แต่การบริการประชาชนต้องเชื่อมโยงกัน โดย รพ.สต.เป็นการบริการปฐมภูมิ ซึ่งต้องไม่กระทบกับทุติยภูมิ และตติยภูมิ แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ทำตามหลักเกณฑ์ ทำให้ก.ก.ถ.มีการประชุมหารือและวินิจฉัยจนได้ข้อตกลงร่วมกันแล้วว่า สามารถโอนย้ายได้ ซึ่งแตกต่างกับการถ่ายโอน
เมื่อถามว่าการถ่ายโอนปีงบประมาณ 2568 หน่วยงานที่ไม่ตรงภารกิจปฐมภูมิไม่สามารถถ่ายโอนได้ใช่หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า ใช่ เนื่องจากคนที่ทำงานหน่วยบริการอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปฐมภูมิถ่ายโอนไม่ได้ ทั้งรพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป รพ.ชุมชน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ลองนึกภาพหากคนที่ทำงานไอซียู รพ.ศูนย์ ไป รพ.สต.ก็จะได้รับผลกระทบต่อการบริการ แต่ก็จะไปโทษเขาไม่ได้ เพราะภาระงานหนักจริง ซึ่งตรงนี้ สธ.ก็ต้องหาทางดูแลพวกเขาเช่นกัน และบางคนก็อยากกลับไปอยู่บ้าน แต่ละคนมีเหตุผลความจำเป็น แต่เราก็ต้องคิดถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ
“ยกตัวอย่าง กรณีไอซียูที่ รพ.ในจังหวัดศรีสะเกษ ประสบปัญหาเยอะ ใครเดือดร้อนก็ประชาชน ตรงนี้ต้องดูภาพรวม ต้องครบวงจรทั้งหมด ซึ่ง สธ.สื่อสารตลอด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รองนายกฯ สมศักดิ์ ได้มีการวินิจฉัยแล้ว 1. การถ่ายโอนต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ 2.การถ่ายโอนต้องเกี่ยวข้องกับภารกิจปฐมภูมิ ซึ่งรัฐมนตรีชลน่านผ่อนปรนได้ จากเดิมต้องเป็นคนกับตำแหน่งที่อยู่ รพ.สต. แต่ให้แนวว่า เพื่อให้เกิดความยืดหยุ่น เช่น คนไหนทำงาน รพ.สต.แต่เลขตำแหน่งไม่อยู่ก็ถ่ายโอนได้ หรือคนไหนเลขอยู่ รพ.สต.แต่ตัวทำงานอย่างอื่นแล้วก็ถ่ายโอนได้ในปี 2567 ที่ผ่านมา ส่วนคนที่ไม่ตรงตามเกณฑ์ให้เป็นไปตามการโอนย้าย” ปลัด สธ.กล่าว