ผอ.สวรส.คนใหม่ ชงบอร์ดเคาะแผนขับเคลื่อน 3 ปี มุ่งโจทย์วิจัยพัฒนาระบบสาธารณสุขประเทศ เกิดการใช้ประโยชน์จริงจากข้อมูลจีโนมิกส์ เผย รมช.สธ.ฝากวิจัยให้ชัด ปมแพทย์ขาดแคลนและการกระจายลงพื้นที่ ช่วยตัดสินใจเชิงนโยบาย
เมื่อวันที่ 6 พ.ย. นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ ผอ.สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ด สวรส. เมื่อวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา มีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธาน มีการเสนอนโยบายและแผนการบริหาร สวรส.เพื่อขับเคลื่อนองค์กรในระยะ 3 ปีจากนี้ รองรับนโยบายรัฐบาลด้านสาธารณสุขที่มุ่งเน้นยกระดับนโยบาย 30 บาท พัฒนาระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และรองรับสถานการณ์ฉุกเฉิน ภายใต้ Quick win และรองรับแผนวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมของประเทศ พ.ศ. 2566-2570 สวรส. ในฐานะองค์กรวิชาการระบบสุขภาพของประเทศ ได้วางแผนบริหารจัดการในปีงบ 2567 มีเป้าหมายที่จะพัฒนา สวรส. ไปสู่ “Smarter HSRI for Better Health” โดยเสริมสร้างสิ่งที่มีอยู่เดิมและพัฒนาสิ่งใหม่ เพื่อเป้าหมายการพัฒนาการดำเนินงานและระบบสุขภาพที่ดีกว่า มีเป้าหมายระยะ 3 ปี
นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ในปี 2567 จะเน้นปรับองค์กรให้สามารถรองรับเป้าหมายการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วางระบบการกำหนดโจทย์วิจัยและกรอบการให้ทุนวิจัยที่ตอบโจทย์การพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ วางแนวทางสื่อสารนโยบายและสื่อสารสังคม จัดตั้งกลไกการเชื่อมประสานเครือข่าย พัฒนากฎ/ระเบียบที่เกี่ยวข้องและการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้ ด้านบุคลากรและการบริหารทุน ส่วนปี 2568 เน้นเร่งดำเนินงานในเรื่องที่เริ่มไว้ในปี 2567 ให้มีประสิทธิผลสูงสุด รวมถึงการใช้ประโยชน์งานวิจัยที่มีการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมภายใต้ความร่วมมือกับเครือข่ายทั้งในและต่างประเทศ และปี 2569 เน้นสร้างความมั่นคงและคำนึงถึงความยั่งยืนในการดำเนินงานของสถาบัน ตลอดจนผลักดันให้ สวรส. เป็นสถาบันที่มีขีดความสามารถสูงในการสร้างและสนับสนุนการใช้องค์ความรู้เพื่อพัฒนาระบบสุขภาพของประเทศ ทั้งในภาวะปกติและวิกฤตเร่งด่วน
กิจกรรมที่จะเร่งให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม เช่น การจัดทำ Research Mapping เพื่อหาโจทย์วิจัยมุ่งเป้า โดยเฉพาะการหาโจทย์วิจัยเชิงรุก คาดหวังให้แล้วเสร็จโดยมีแนวทางและโจทย์วิจัยภายในปี 2567, การสร้างความร่วมมือในงานวิจัยด้านสุขภาพกับหน่วยงานใน สธ. องค์การมหาชนในกำกับและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น องค์การอนามัยโลก กองทุนโลก และหน่วยบริหารจัดการทุนวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยสุขภาพ โดยจะพัฒนาให้เกิดกลไกความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมไม่น้อยกว่า 3 เรื่อง ในปี 2567, การใช้ประโยชน์จากข้อมูลภายใต้โครงการ Genomic Thailand โดยจะจัดทำข้อเสนอแนวทางและกระบวนการใช้ประโยชน์จากข้อมูลสำหรับนักวิจัยทั้งภาครัฐและเอกชน พร้อมคืนข้อมูลให้แก่อาสาสมัครและประโยชน์สาธารณะ, การจัดตั้ง HSIU (Health System Intelligence Unit) เป็นหน่วยบริหารจัดการองค์ความรู้เพื่อตอบสนองความต้องการของฝ่ายนโยบายและสังคมทั้งภาวะปกติและเร่งด่วน ที่สามารถนำเสนอองค์ความรู้อย่างเป็นระบบและทันการณ์ ปรับปรุง/แก้ไข พ.ร.บ.สวรส. ประเมินผลและปรับปรุงองค์กรในด้านต่างๆ เพื่อการมีสมรรถนะสูง
นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ในที่ประชุมยังมีการนำเสนอการศึกษาทางเลือกเชิงนโยบายในการกระจายแพทย์ไปยังหน่วยบริการสุขภาพในพื้นที่ขาดเเคลนหรือห่างไกลในชนบท ซึ่งประเด็นด้านบุคลากรทางการแพทย์เป็นประเด็นหนึ่งที่ รมช.สธ. ให้ความสำคัญในการพัฒนาระบบสุขภาพ ทั้งนี้ รมช.สธ. ได้ให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมว่า งานวิจัยต้องชัดเจนและสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจเชิงนโยบายได้ เช่น การวิเคราะห์สถานการณ์การขาดแคลนแพทย์ว่า ปัจจุบันขาดแคลนหรือไม่ ถ้าขาดแคลน ขาดแคลนเท่าไรอย่างไร ตลอดจนการเสนอทางออกเพื่อแก้ไขปัญหาเชิงระบบในระยะยาวต่อไป