xs
xsm
sm
md
lg

อีก 60 ปี ไทยเหลือคนไม่ถึง 33 ล้าน เด็ก-แรงงานไม่พอ สูงวัยมีถึง 50% สธ.รุกวาระชาติ เพิ่มคลินิกส่งเสริมมีบุตร จว.ละ 1 แห่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผู้เชี่ยวชาญประชากรศาสตร์ เผยอีก 60 ปี ไทยจะมีคนเหลือแค่ 33 ล้านคน เป็นสูงวัยครึ่งหนึ่ง สัดส่วนเด็ก-วัยแรงงานน้อย สธ.รุกดันวาระแห่งชาติ เพิ่มคลินิกส่งเสริมการมีบุตรจังหวัดละ 1 แห่ง

เมื่อวันที่ 30 ต.ค. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ครั้งที่ 1/2566 พร้อมกล่าวว่า การลดลงของเด็กเกิดใหม่ในไทยอยู่ในขั้นวิกฤต จากเดิมมีเด็กเกิดไม่ต่ำกว่าปีละ 1 ล้านคน ในช่วงปี 2506 - 2526 ลดลงเหลือ 485,085 คน ในปี 2564 ขณะที่จำนวนการตาย 550,042 คน มากกว่าการเกิดถึง 64,957 คน ซึ่งอัตราเจริญพันธุ์รวม (TFR) ควรอยู่ที่ 2.1 พบว่า TFR ลดต่ำกว่าระดับทดแทนมาตั้งแต่ปี 2536 โดยปี 2565 อยู่ที่ 1.16 ซึ่งเกือบทุกจังหวัดในไทยมีอัตราเจริญพันธุ์รวมต่ำกว่าระดับทดแทน มีเพียงยะลาเท่านั้นที่มีค่า TFR เท่ากับ 2.27 ซึ่งสูงกว่าระดับทดแทน สาเหตุสำคัญของการไม่มีลูก มาจากปัญหาด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษาและสิ่งแวดล้อม ที่ไม่เอื้อต่อการมีลูก โดยมีเพียงร้อยละ 10 เท่านั้นที่มาจากปัญหาด้านสุขภาพ ดังนั้น หากยังไม่มีมาตรการจูงใจให้ประชาชนตัดสินใจมีบุตร บนพื้นฐานของสิทธิส่วนบุคคล ก็จะไม่สามารถเพิ่มจำนวนการเกิดได้

"ปี 2566 เป็นปีแรกที่จำนวนประชากรเข้าสู่วัยแรงงาน อายุ 20 - 24 ปี ไม่สามารถชดเชยจำนวนประชากรที่ออกจากวัยแรงงาน 60 - 64 ปีได้ และช่องว่างระหว่างจำนวนประชากรเข้าและออกจากวัยแรงงานจะกว้างมากขึ้น เสี่ยงต่อการขาดแคลนแรงงาน ภาวะพึ่งพิงต่อวัยทำงานสูงขึ้น มีงบประมาณในการดูแลสุขภาพผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น สธ.จึงเร่งผลักดันให้การส่งเสริมการมีบุตรเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อให้รัฐบาลเป็นผู้ลงทุนหลักในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์" นพ.ชลน่านกล่าว

นพ.ชลน่านกล่าวว่า สาระสำคัญที่พิจารณาคือ มาตรการส่งเสริมการมีบุตร ทั้งเรื่อง ความสมดุลการทำงานกับการดูแลครอบครัว การแบ่งเบาค่าใช้จ่ายและภาระในการเลี้ยงดูบุตร การช่วยเหลือคนที่มีบุตรยาก และการแก้ไขฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเข้าถึงบริการรักษาภาวะมีบุตรยากด้วยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ ในกลุ่มที่ใช้ชีวิตคู่ไม่อยากจดทะเบียนสมรส กลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ กลุ่มหนุ่มโสด สาวโสดที่อยากมีลูกแต่ไม่อยากมีบุตร ให้มีโอกาสมีลูกได้ โดยบูรณาการร่วมกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง


ศ.ดร.เกื้อ วงศ์บุญสิน ศาสตราจารย์เชี่ยวชาญด้านประชากรศาสตร์ กล่าวว่า ใน 60 ปีข้างหน้าจำนวนประชากรไทยจะลดลงจาก 66 ล้านคน เหลือเพียง 33 ล้านคน ในปี 2626 จำนวนประชากรวัยแรงงาน ช่วงอายุ 15 ถึง 64 ปี จะลดลงจาก 46 ล้านคน เหลือเพียง 14 ล้านคน จำนวนประชากรวัยเด็ก ช่วงอายุ 0 ถึง 14 ปี จะลดลงจาก 10 ล้านคน เหลือเพียง 1 ล้านคน ผู้สูงวัย 65 ปีขึ้นไป จะเพิ่มขึ้นจาก 8 ล้านคน ไปเป็น 18 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 50 ของประชากรทั้งประเทศ หากประชากรลดลงมากขนาดนี้ คนในวัยทำงานลดลงมากขนาดนี้ ภาครัฐก็จะไม่สามารถจัดเก็บภาษีได้เพียงพอต่อการพัฒนาประเทศ


พญ.อัจฉรา นิธิอภิญญาสกุล รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า สธ.ได้มอบหมายให้กรมอนามัย ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการใน 2 เรื่องหลักที่ต้องให้สำเร็จภายใน 100 วัน คือ การผลักดันประเด็นส่งเสริมการมีบุตรเป็นวาระแห่งชาติ และการมีคลินิกส่งเสริมการมีบุตร จังหวัดละ 1 แห่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการรักษาภาวะมีบุตรยากได้เร็วขึ้น ในอายุที่น้อยลง เพื่อเพิ่มโอกาสในการมีบุตร กรมอนามัย จึงกำหนดจัดอบรมพัฒนาศักยภาพให้บุคลากร 3 กลุ่มหลัก คือ สูตินรีแพทย์ พยาบาลและนักเทคนิคการแพทย์ คาดว่าจะสามารถให้บริการกับประชาชนได้ภายใน ธ.ค.นี้


กำลังโหลดความคิดเห็น