สปสช. เผย "ผู้สูงอายุ" รับบริการรักษาสูงเป็น 2 เท่าของทุกกลุ่มอายุ เฉลี่ยเป็นผู้ป่วยนอก 6.33 ครั้ง/คน/ปี ใช้ทรัพยากรดูแลถึง 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายทั้งระบบ เผยโรคที่พบมาก คือ ต่อมลูกหมากโต ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจเต้นผิดจังหวะ และต้อกระจกในวัยชรา สัดส่วนผู้ป่วยสูงอายุอยู่ในบัตรทองมากสุด ลุยพัฒฯาสิทธฺประโยชน์และบริการรองรับ
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ มีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เกือบร้อยละ 20 ของประชากร จำเป็นต้องมีการจัดระบบรองรับ โดยเฉพาะการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการสุขภาพที่จำเป็น ที่ผ่านมา สปสช.ได้ทบทวนข้อมูลผู้สูงอายุในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติในปีงบประมาณ 2565 เพื่อเป็นประโยชน์ในการพิจารณาปัญหาสาธารณสุขในผู้สูงอายุ พัฒนาสิทธิประโยชน์และระบบการดูแลต่อไป พบว่า ไทยมีประชากร 66.98 ล้านคน จำนวนนี้เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 13.16 ล้านคน หรือร้อยละ 19.65 เป็นผู้มีสิทธิบัตรทองมากที่สุด 10.27 ล้านคน สิทธิข้าราชการ 2.10 ล้านคน สิทธิประกันสังคม 4.31 แสนคน และสิทธิรักษาพยาบาลพนักงานส่วนท้องถิ่น จำนวน 2.02 แสนคน
"ข้อมูลการรักษาพยาบาลในระบบบัตรทองของผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป มีอัตราการใช้บริการสูงเป็น 2 เท่าของทุกกลุ่มอายุ เมื่อดูข้อมูลการรับบริการผู้ป่วยนอกอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 6.33 ครั้ง/คน/ปี กลุ่มอายุทั่วไปจะอยู่ที่ 3.53 ครั้ง/คน/ปี โดยปี 2565 อยู่ที่จำนวน 63.96 ล้านครั้ง คิดเป็นร้อยละ 38.22 ของจำนวนผู้ป่วยนอกทุกกลุ่มอายุ ส่วนผู้ป่วยในเฉลี่ย 0.22 ครั้ง/คน/ปี อายุทั่วไป 0.13 ครั้ง/คน/ปี โดยปี 2565 อยู่ที่จำนวน 2.17 ล้านครั้ง คิดเป็นร้อยละ 35 ของผู้ป่วยในทุกกลุ่มอายุ สัดส่วนทรัพยากรที่ใช้ดูแลผู้สูงอายุอยู่ที่ 1 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายทั้งระบบ เฉพาะข้อมูลปี 2565 มีผู้สูงอายุเข้ารับบริการ 1.75 ล้านคน เป็นจำนวน 2.17 ล้านครั้ง และจำนวนวันนอนรักษาใน รพ. 11.43 ล้านวันนอน ขณะจำนวนการรับบริการของทุกกลุ่มอายุ อยู่ที่ 5.41 ล้านคน เป็นจำนวน 6.20 ล้านครั้ง จำนวนวันนอน 32.56 ล้านวันนอน" นพ.จเด็จกล่าว
นพ.จเด็จ กล่าวว่า ข้อมูลการรักษาที่ผู้สูงอายุเข้ารับบริการมากที่สุด กลุ่มผู้ป่วยนอก 3 อันดับแรก คือ ภาวะความดันโลหิตสูง 8.41 ล้านครั้ง เบาหวาน 4.73 ล้านครั้ง และไตวายเรื้อรัง 9.10 แสนครั้ง ส่วนผู้ป่วยใน 3 อันดับแรก คือ ภาวะปอดบวมจากเชื้อไวรัส 1.35 แสนครั้ง หัวใจล้มเหลวแบบน้ำท่วมปอด 6.05 หมื่นครั้ง และไตวายเรื้อรังระยะสุดท้าย 5.47 หมื่นครั้ง ส่วนโรคที่ผู้สูงอายุรับบริการมากที่สุดจากทุกกลุ่มอายุ ของผู้ป่วยนอก คือ โรคต่อมลูกหมากโต ร้อยละ 88.90 โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ร้อยละ 83.11 และโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ ร้อยละ 81.09 จากจำนวนผู้ป่วยทุกกลุ่มอายุ สำหรับผู้ป่วยในคือ โรคต้อกระจกในวัยชราจากแก้วตาขุ่นหรือแข็งตัว ร้อยละ 85.41 โรคต้อกระจกในวัยชราที่ไม่ระบุรายละเอียด ร้อยละ 82.57 และโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่มีอาการกำเริบร้อยละ 82.32
นอกจากนี้ โรคที่ผู้สูงอายุเข้ารับการรักษาใน รพ.และเสียชีวิต 3 อันดับแรก คือ โรคปอดบวมที่เกิดจากเชื้อไวรัส 8,769 ราย ปอดบวม 7,779 ราย และการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ 3,103 ราย ส่วนโรคที่รับการรักษาใน รพ.และเสียชีวิตที่มีสัดส่วนที่สูงกว่าอายุกลุ่มอื่น 3 อันดับแรกคือ ปอดอุดกั้นเรื้อรังที่เกิดร่วมกับการติดเชื้อเฉียบพลันของทางเดินหายใจส่วนต้น ร้อยละ 92.92 การติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ ร้อยละ 84.74 กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ร้อยละ 84.34 และปอดอักเสบจากการสำลักอาหารร้อยละ 83.95 ส่วนการเข้าถึงบริการตามสิทธิประโยชน์บัตรทองของผู้สูงอายุ ปี 2565 มีบริการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้สูงอายุ 385,377 ราย บริการสาธารณสุขในผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง 176,553 ราย บริการผ่าตัดต้อกระจกในผู้สูงอายุ 101,615 ราย ฟันเทียมในผู้สูงอายุ 33,687 ราย ผ่าตัดรักษาข้อเข่าเสื่อมในผู้สูงอายุ 8,678 ราย บริการรักษาโรคเบาหวาน ผู้ป่วยนอก 9.12 ล้านครั้ง ผู้ป่วยใน จำนวน 9.9 หมื่นครั้ง บริการโรคความดันโลหิตสูง 17.26 ล้านครั้ง และผู้ป่วยใน 3.34 หมื่นครั้ง และบริการคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่ ด้วย FIT- test อายุ 50-70 ปี จำนวน 6.22 แสนคน ในจำนวนนี้มีผลผิดปกติ ร้อยละ 7.49 เข้าสู่การรักษา
“บัตรทองเป็นระบบที่ดูแลสุขภาพให้กับผู้สูงอายุมากที่สุด มีจำนวนผู้สูงอายุที่อยู่ในการดูแลกว่า 10 ล้านคน ดังนั้นงบประมาณส่วนหนึ่งซึ่งเป็นจำนวนไม่น้อย สปสช. ได้นำมาใช้เพื่อดูแลผู้สูงอายุนี้ เพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลและบริการสาธารณสุขที่จำเป็น อย่างครอบคลุมและทั่วถึงที่สุด และให้ผู้สูงอายุสิทธิบัตรทองมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ขณะที่ข้อมูลที่ปรากฏนี้ยังจะเป็นประโยชน์ ทั้งในด้านการพัฒนาระบบสุขภาพเพื่อดูแลผู้สูงอายุต่อไป” เลขาธิการ สปสช. กล่าว