อย.แจงเรียกคืนยาลดความดัน 42 ล็อตปนเปื้อนสารอาจก่อมะเร็ง ติดตามได้กระจายไปจุดไหน หลังแจ้งผู้ผลิต สสจ. และ รพ.ในระบบเครือข่ายเภสัชกรรม ให้ติดต่อผู้ป่วยที่รับยาไปมาคืน แจงอย่าเพิ่มหยุดกินยาจนกว่าจะมาเปลี่ยนคืนรับยาใหม่ ชี้แค่มีโอกาสเกิดมะเร็ง ยังไม่ชี้ชัด เตรียมทำแชตบอตตอบคำถาม
เมื่อวันที่ 21 ต.ค. นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กล่าวถึงกรณีประกาศเรียกคืนยาลดความดัน "เออบีซาแทน (Irbesartan)" จาก 5 ผู้ผลิต 42 รุ่น เนื่องจากพบการปนเปื้อนสาร AZBT ที่อาจมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยา ว่า โดยปกติ อย.มีระบบเฝ้าระวังยาและอาหาร อย่างกรณีนี้ พบว่ามีการประกาศเตือนในต่างประเทศ อย.ก็ต้องมาตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่ได้ออกใบอนุญาตไปในประเทศไทย ว่ามีสินค้าตามที่ประกาศเตือนหรือไม่ หากมีเราก็จะประกาศแจ้งเตือนให้กับประชาชนรับทราบเพื่อเรียกคืนสินค้า แต่ถ้าไม่มีเราก็จะประกาศว่าตรวจไม่พบในประเทศไทย โดยที่ผ่านมาก็มีการตรวจสอบสินค้าอยู่ต่อเนื่อง สำหรับยาลดความดันที่ได้ประกาศเตือน ก็เกิดจากกรณีที่ต่างประเทศมีการเรียกคืนยาเออบีซาแทน จากบริษัทผู้ผลิต เนื่องจากพบการปนเปื้อนสาร AZBT ที่อาจก่อมะเร็งในวัตถุดิบที่ใช้ผลิตยา เมื่อรับทราบข้อมูลก็ประกาศเตือนในไทย
นพ.ณรงค์กล่าวว่า เมื่อ อย.ทราบข้อมูลและตรวจสอบดังกล่าว ตามขั้นตอนจึงรีบแจ้งไปยังผู้ผลิตที่เกี่ยวข้องทั้งหมด 42 รุ่นการผลิต รวมถึงองค์การเภสัชกรรม (อภ.) และแจ้งไปยังสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) รพ.ต่างๆ ซึ่งในระบบเครือข่ายเภสัชกรรมจะทราบข้อมูลในระบบยาอยู่แล้ว ทำให้สามารถตามได้ว่า ยาไปอยู่จุดไหนบ้าง ในส่วนของการประสานติดต่อไปยังผู้ป่วยที่ได้รับยาที่อยู่ใน 42 รุ่นการผลิต มีการติดตามโดยหน่วยงานเกี่ยวข้อง โดยหน่วยบริการหรือสถานพยาบาลก็จะต้องติดต่อไปยังผู้ป่วยรายนั้นๆ ที่ได้รับยาเพื่อเรียกมาเปลี่ยนเป็นยาตัวอื่นแทน ขณะเดียวกันประชาชนที่ใช้ยาลดความดัน หากพบว่าอยู่ในรุ่นการผลิตที่แจ้งเตือน ให้นำส่งยาดังกล่าวกับทาง รพ.หรือร้านขายยาเพื่อแลกเปลี่ยนยา แต่ขอย้ำว่า อย่าหยุดยา เพราะผู้ป่วยบางคนหากหยุดยาไปอาจได้รับผลกระทบต่ออาการที่เป็นอยู่ได้ ให้ทานไปก่อนและจึงนำไปเปลี่ยนยา
เมื่อถามว่าผู้ป่วยอาจกังวลถึงผลกระทบต่อการใช้ยาในรุ่นที่ อย.แจ้งเตือน นพ.ณรงค์ กล่าวว่า การแจ้งเตือน สืบเนื่องจากข้อมูลต่างประเทศว่า อาจมีผลทำให้เกิดมะเร็ง แต่ข้อมูลก็ยังไม่ได้ชัด อีกทั้งการทานยาที่จะก่อปัญหาได้ต้องมีปริมาณมาก แต่ระหว่างนี้หากพบว่า ยาที่กินอยู่ในล็อตดังกล่าวก็ขออย่าเพิ่งหยุดทาน เพราะโรคความดันโลหิตจำเป็นต้องทานทุกวัน จากนั้นค่อยไปคืนและแลกเปลี่ยนยาใหม่กลับมา ขณะนี้ อย.กำลังจัดทำระบบเพื่อให้ประชาชนสอบถามข้อมูลต่างๆ รวมทั้งกรณีการใช้ยาด้วย โดยจะทำเป็นแชทบอทตอบคำถาม และจะมีสายด่วนเฉพาะขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2 สัปดาห์
เมื่อถามย้ำว่ามีข้อมูลในต่างประเทศหรือว่าผู้ป่วยที่ได้รับยาดังกล่าวไปจะเกิดอันตรายอย่างไร นพ.ณรงค์กล่าวว่า ที่ต่างประเทศมีการประกาศเตือนออกมา แต่ยังไม่ได้มีข้อมูลชี้ชัดว่า มีโอกาสเกิดมะเร็งได้มากน้อยแค่ไหน แต่เมื่อ อย.รับทราบข้อมูลมา ก็ต้องรีบประกาศเตือนและเรียกคืนยาล็อตนั้นๆ
เมื่อถามถึงกรณีที่ผู้ป่วยไปซื้อมากินเอง นพ.ณรงค์กล่าวว่า ผู้ป่วยก็ต้องตรวจสอบว่ายาที่ตนเองมีในตอนนี้เป็น 1 ใน 42 ล็อตการผลิตที่ อย.ประกาศหรือไม่ แนะนำว่าให้มาพบเภสัชกรในสถานพยาบาล ดีกว่าการไปหาซื้อยากินเอง เพราะผู้ป่วยบางคนรู้ข่าวดังกล่าว อาจจะหยุดกินยาทันที ซึ่งอาจจะส่งผลให้ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น หรือไม่สามารถควบคุมได้ ฉะนั้นก็ต้องมาพบแพทย์เพื่อเปลี่ยนยา