xs
xsm
sm
md
lg

แรงงานชุด 4 เจอเครียด 37 ราย ต้องประเมินต่อ ลูกเมียเฮเข้าสวมกอดหลังเจอหน้าพ่อกลับไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สธ.จัดสถาบันบำราศฯ ให้ญาติแรงงานไทยชุดที่ 4 กลับจากอิสราเอล มารอเจอหน้า บรรยากาศตื้นตัน ดีใจเข้าสวมกอดอบอุ่น เผยเจอเครียด 37 รายต้องส่งต่อมาประเมินอย่างละเอียด บาดเจ็บ 1 รายจากหกล้ม มีอีกรายขอค้าง 1 คืน

เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้จัดให้อาคารศูนย์กักกัน (Quarantine Center) สถาบันบำราศนราดูร เป็นสถานที่ให้ครอบครัวแรงงานไทยอพยพจากอิสราเอลชุดที่ 4 จำนวน 130 คนที่เดินทางกลับด้วยเครื่องบิน ทอ. มาลงที่ บน.6 มารอคอยต้อนรับ โดยมีครอบครัวบางส่วนมารอตั้งแต่เช้ามืด ขณะที่ส่วนใหญ่เดินทางไปรอรับที่ บน.6 โดยมี นพ.ธงชัย กีรติหัตถยากร รักษาราชการแทนอธิบดีกรมควบคุมโรค เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงาน และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มาคอยดูแลต้อนรับและประสานงานในการกลับภูมิลำเนา


ต่อมาเวลา 09.00 น.รถบัสนำแรงงานไทยมาถึงหน้าอาคารฯ ญาติพี่น้องและครอบครัวที่มารอคอยต่างแสดงสีหน้าดีใจและวิ่งเข้ามาหา โดยเฉพาะนายนพโรจน์ วิมลธรรมวัฒน์ อายุ 37 ปี ภูมิลำเนาจ.นครราชสีมา ซึ่งมีภรรยาและลูกสาววัย 10 ขวบและลูกชายวัย 9 ขวบ พร้อมแม่ยายมาคอยรอรับ ทันทีที่ลูกทั้งสองเห็นพ่อเดินลงจากรถต่างวิ่งกรูเข้าไปโผล่กอดพ่อด้วยความดีใจจนน้ำตาคลอ โดยลูกๆ บอกพ่อว่า “ดีใจที่พ่อกลับมา” สร้างความตื่นตันใจให้กับผู้เป็นพ่อที่แสดงแววตาดีใจที่เจอลูกจนน้ำตาคลอเบ้า

นายนพโรจน์ กล่าวว่า ได้ไปทำงานที่ไร่อโวคาโดที่อิสราเอลได้ประมาณ 1 ปี พื้นที่ที่ทำงานเป็นหมู่บ้านเบลีห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 3 กม. วันที่เกิดเหตุโจมตีได้เข้าไปหลบภัยในโดมตั้งแต่ช่วงเช้าและพยายามติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูต ซึ่งได้รับแจ้งว่าทหารกำลังเข้าไปช่วยเหลือ ขณะนั้นในใจคิดว่าคงไม่รอด เพราะมีรายงานกองกำลังบุกเข้ามาโจมตีและมีชาวยิวเสียชีวิตจำนวนมาก ในใจคิดถึงครอบครัวภรรยาและลูกอย่างมาก และภาวนาขอให้มีชีวิตรอด ซึ่งในตัวได้ห้อยพระรอดติดตัวอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งตกเย็นมีทหารเข้ามาช่วยเหลือจนสามารถรอดชีวิตออกมาได้ คนไทยที่อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันเท่าที่ทราบมี 14 คน ทุกคนปลอดภัย อย่างไรก็ตามหลังจากเหตุการณ์สงบก็คิดว่าคงจะกลับไปทำงานต่อที่เดิม เนื่องจากเจ้านายเป็นคนดี


ด้าน นายพงศกร คำภิโล 1 ในแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอล กล่าวว่า ตนเดินทางไปทำงานที่อิสราเอลได้ 1 ปี เป็นงานเกษตร ซึ่งทราบตั้งแต่แรกว่าอิสราเอลเป็นประเทศสงคราม ส่วนที่พักของตนตั้งอยู่ในเมืองหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ฉนวนกาซา อาศัยร่วมกับเพื่อนคนไทยที่ไปทำงานด้วยกันกว่า 10 คน โดยตลอดเวลา 1 ปีที่ทำงานอยู่นั้น ก็ได้เห็นการยิงตอบโต้กันทางอากาศแต่ไม่รุนแรง ประกอบกับรายได้ที่ค่อนข้างดีทำให้ตนและเพื่อนเลือกจะทำงานต่อ ซึ่งต่างจากครั้งนี้ที่เป็นการต่อสู้ภาคพื้นดิน มีการทิ้งระเบิดห่างจากที่พักเพียง 10 เมตรเท่านั้น ทำให้ตนและเพื่อนตัดสินใจย้ายไปศูนย์อพยพ และขอกลับมาประเทศไทย ส่วนจะกลับไปทำงานต่อหรือไม่นั้น ตนขอพิจารณาความปลอดภัยก่อน ส่วนเพื่อนบางคนที่ยังไม่ได้กลับมานั้น ก็ยังติดต่อค่อนข้างยากเพราะสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่เสถียร แต่ก็ได้ทราบว่าการช่วยเหลือทางทหารยังเข้าไปไม่ถึง บางส่วนนายเจ้าก็ไม่ให้ออกมาด้วย ตอนนี้มาถึงประเทศไทยแล้วไม่รู้สึกกลัวแล้ว อยู่ที่อิสราเอลน่ากลัว นอนไม่ได้เพราะมีแต่เสียงระเบิดทั้งคืน ยิ่งอยู่ใกล้ฉนวนกาซาด้วย จะติดต่อใครก็ยาก

เมื่อถามถึงการเดินทางกลับภูมิลำเนา นายพงศกรกล่าวว่า ตนจะต้องเดินทางกลับไปยังสนามบินดอนเมืองอีกครั้งเพื่อขึ้นเครื่องบินไปยังสนามบินลำปาง ถามต่อว่าหลายคนที่มาถึงสถาบันบำราศฯ แล้วแต่ต้องเดินทางย้อนกลับไปสนามบินดอนเมือง หรือสถานีขนส่ง นายพงศกรกล่าวว่า ตนมีความเห็นว่าควรจะคัดเฉพาะคนที่มีรายชื่อ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ปล่อยให้เดินทางกลับภูมิลำเนาได้เลย เพราะมีการคัดกรองสุขภาพเบื้องต้นตั้งแต่ที่ลงเครื่องบินมาแล้ว


ด้าน นพ.ธงชัย กล่าวว่า แรงงานที่เดินทางกลับเข้ามาในประเทศไทยวันนี้ มีการตรวจคัดกรองสุขภาพกาย สุขภาพจิตเบื้องต้นที่ บน. 6 เรียบร้อยแล้ว บางส่วนก็เดินทางกลับภูมิลำเนา บางส่วนก็มาพบกับญาติๆ ที่สถาบันบำราศนราดูร ที่มารอรับกลับบ้านด้วยกัน ทั้งนี้ ผลการคัดกรองสุขภาพพบว่า มี 1 รายที่ได้รับบาดเจ็บหกล้ม และอีก 37 ราย ที่คัดกรองสุขภาพจิตเบื้องต้นที่ บน.6 พบว่า มีความเครียด จึงต้องส่งเข้ามาที่สถาบันบำราศฯ เพื่อประเมินสุขภาพจิตอย่างละเอียด นอกจากนี้ ยังมีแรงงาน 1 คน ที่ขอค้าง 1 คืนที่สถาบันบำราศฯ ซึ่งเราได้จัดเตรียมที่พักให้แล้ว ส่วนเรื่องการกลับภูมิลำเนานั้นจะมี พม.ดูแลต่อ






กำลังโหลดความคิดเห็น