สปสช. เปลี่ยนชื่อหน่วยรับเรื่องร้องเรียน 50 (5) เป็น “ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง” หลังประชาชนไม่รู้จัก ไม่เข้าใจภารกิจ
เมื่อวันที่ 14 ต.ค. นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา ประธานกรรมการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานบริการสาธารณสุข สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ สปสช. ได้เปลี่ยนชื่อและตราสัญลักษณ์ของหน่วยรับเรื่องร้องเรียนอื่นที่เป็นอิสระจากผู้ถูกร้องเรียน ตามมาตรา 50 (5) พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า หน่วย 50(5) เป็น “ศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง” เพื่อสื่อสารกับประชาชนและผู้ถูกละเมิดสิทธิจากการรับบริการในระบบหลักประกันสุขภาพฯ ให้เข้าใจความหมาย บทบาทและภารกิจของศูนย์ฯ มากขึ้น นำไปสู่การเสนอเรื่องร้องเรียนได้สะดวกกว่าเดิม โดยมีผลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ หน่วย 50 (5) มีสถานะอย่างเป็นทางการตามกฎหมาย อาศัยอำนาจของ พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพฯ ที่ให้อำนาจคณะกรรมการควบคุมคุณภาพฯ สปสช. กำหนดหน่วยรับเรื่องร้องเรียน ให้ประชาชนเสนอเรื่องร้องเรียนได้ที่เป็นอิสระจากจากผู้ถูกร้องเรียน ที่ผ่านมา สปสช. ได้รับความร่วมมือจากภาคีเครือข่ายภาคประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศ เข้ามาร่วมดำเนินงานและขึ้นทะเบียน รับเรื่องร้องเรียน ให้คำแนะนำด้านการเข้าถึงสิทธิ ให้ความรู้เกี่ยวกับสิทธิบัตรทอง ประสาน รพ.ในพื้นที่ เพื่อแก้ไขข้อร้องเรียน เป็นคนกลางไกล่เกลี่ยเมื่อเกิดข้อพิพาทระหว่างผู้ให้และผู้รับบริการ แต่ชื่อเรียกหน่วย 50(5) อาจจะไม่สามารถสื่อความหมายให้เข้าใจถึงบทบาทและภารกิจ ทำให้ประชาชนส่วนมากไม่รู้ว่าหน่วยนี้คืออะไร หรือเป็นหน่วยที่คอยช่วยคุ้มครองสิทธิอยู่ เพื่อให้หน่วยฯเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อปลายปี 2565 จึงได้จัดประกวดรายชื่อใหม่ เพื่อสื่อความหมายให้ประชาชนเข้าใจได้ง่าย
"แม้จะเปลี่ยนชื่อ แต่บทบาทภารกิจต่างๆ ยังคงเหมือนเดิม และคาดหวังว่าชื่อศูนย์คุ้มครองสิทธิบัตรทอง จะเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น ทำให้ประชาชนรู้สึกสบายใจที่จะเข้ามาขอคำแนะนำหรือยื่นเรื่องร้องเรียนมากขึ้นด้วย ย้ำว่าศูนย์ฯ ไม่ได้มุ่งเป้าจะเป็นศัตรูหรือโจมตีหน่วยบริการ แต่ทำงานบนหลักการคุ้มครองสิทธิผู้รับบริการ และเป็นอีกหนึ่งกลไกการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนที่ช่วยสะท้อนหรือข้อเสนอแนะกลับไปยังหน่วยบริการ เมื่อมีข้อร้องเรียนเกิดขึ้น จะทำการแก้ไขเป็นรายกรณี และนำบทเรียนมาวิเคราะห์หาสาเหตุและวางระบบป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นในอนาคต นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานของหน่วยบริการ” นพ.สุพรรณ กล่าว