นายกฯ เซ็นตั้งบอร์ดพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ดึง “อุ๊งอิ๊ง” - รมว.พาณิชย์ นั่งรองประธาน พร้อมดึงรัฐมนตรีอีก 7 กระทรวงร่วมเป็นกรรมการ ร่วมหน่วยงาด้านสุขภาพต่างๆ ลุยพัฒนา ขับเคลื่อนระบบสุขภาพแห่งชาติในสถานการณ์ปกติและวิกฤตฉุกเฉิน เบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นให้เบิกจ่ายจากงบ สธ.
เมื่อวันที่ 8 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 258/2566 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ ลงนามโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2566 โดยระบุว่า ด้วยรัฐบาลมีนโยบายสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี นำความปลอดภัย สร้างศักดิ์ศรี และนำความภาคภูมิใจ มาสู่ประชาชนไทยทุกคน โดยเฉพาะการสร้างและพัฒนาระบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ สามารถรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินและโรคอุบัติใหม่ รวมถึงสร้างความมั่นคงด้านสุขภาพในระยะยาวให้เกิดความเท่าเทียม เป็นธรรมของคนทุกกลุ่ม อย่างมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชน
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (6) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 นายกรัฐมนตรีจึงได้มีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ โดยมีองค์ประกอบดังนี้ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานกรรมการ , นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ เป็นรองประธานกรรมการ , น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นรองประธานกรรมการ
ส่วนกรรมการประกอบด้วย รมว.กลาโหม รมว.คลัง รมว.อุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รมว.มหาดไทย รมว.แรงงาน รมว.สาธารณสุข เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผู้ว่าราชการ กทม. นายกทันตแพทยสภา นายกแพทยสภา นายกสภากายภาพบำบัด นายกสภาการพยาบาล นายกสภาเทคนิคการแพทย์ นายกสภาเภสัชกรรม นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เลขาธิการสำนักงานสภาองค์กรของผู้บริโภค นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นกรรมการและเลขนุการ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ และเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ทั้งนี้ คณะกรรมการมีอำนาจ ดังนี้ 1.พัฒนาและขับเคลื่อนระบบสุขภาพแห่งชาติในสถานการณ์ปกติและสถานการณ์วิกฤตฉุกเฉินด้านสุขภาพ กลั่นกรองนโยบายสำคัญก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี 2. เสนอแนะแนวทางพัฒนานโยบายและขับเคลื่อนระบบสุขภาพแห่งชาติต่อคณะรัฐมนตรี เพื่อตัดสินใจเชิงรุก เกิดการขับเคลื่อนงานตามนโยบายรัฐบาล เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
3.กำกับ ดูแลบูรณาการความร่วมมือทางนโยบายและแผนระดับประเทศ ระหว่างส่วนราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์การเอกชนทั้งในและต่างประเทศ และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพของประชาชน 4.แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ คณะทำงานหรือที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติ และ 5.ปฏิบัติงานอื่นตามนายกฯหรือครม.มอบหมาย
นอกจากนี้ ยังให้หน่วยงานรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือแก่คณะกรรมการพัฒนาระบบสุขภาพแห่งชาติในการชี้แจงข้อมูล ส่งเอกสาร ตลอดจนดำเนินการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการกำหนด ส่วนการเบิกจ่ายเบี้ยประชุมหรือค่าใช้จ่ายอื่นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานของคณะกรรมการ คณะอนุกรรมการ คณะทำงานหรือที่ปรึกษาที่แต่งตั้งตามคำสั่งนี้ให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาเบี้ยประชุมกรรมการ พ.ศ.2547 ตามระเบียบทางราชการ โดยให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของกระทรวงสาธารณสุข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี และมี นพ.ประดิษฐ สินธวงณรงค์ เป็น รมว.สธ. มีแนวคิดที่จะแต่งตั้งคณะกรรมการฯ ลักษณะเช่นนี้ขึ้นเช่นกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ