สคล.ค้านขยายเวลาเปิดผับบาร์ จ่อทำหนังสือถึง มท.และ สธ. จี้ "หมอชลน่าน" แสดงจุดยืน เหตุกระทบสุขภาพชัดเจน ชี้ยิ่งจัดโซนนิ่ง ยิ่งเกิดข้ามพื้นที่ กระทบรณรงค์เมาไม่ขับ ปัญหายิ่งขยายวงมากกว่าแค่พื้นที่โซนนิ่ง
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม นายธีระ วัชรปราณี ผอ.สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) กล่าวถึงนโยบายนายกรัฐมนตรี เล็งขยายเวลาเปิดผับบาร์ส่งเสริมเศรษฐกิจกระตุ้น ว่า ขณะนี้ สคล.กำลังหารือถึงแนวทางการเคลื่อนไหว เพื่อให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้อย่างถี่ถ้วนก่อนจะมีการประกาศใช้จริงๆ เนื่องจากประเด็นการขยายเวลาเปิดผับบาร์ แม้จะเป็นการกำหนดโซนนิ่ง แต่ก็มีผลกระทบตามมาอย่างแน่นอน ซึ่งต้องมีมาตรการและความพร้อมรอบด้าน ส่วนในแง่ของสุขภาพ สคล.มองคนละมุมกับเศรษฐกิจ เพราะต้องชั่งน้ำหนักผลกระทบที่จะเกิดขึ้น อย่างจุดที่จะไปสำรวจพื้นที่ท่องเที่ยวให้เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อขยายเวลาผับบาร์นั้น แน่นอนย่อมกระทบกับพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ใช่จะมีแค่พื้นที่กำหนดเท่านั้น
ถามว่าก่อนหน้านี้เคยมีนโยบายขยายเวลาเปิดผับบาร์ถึงตี 4 แต่พับไป การมาพูดเรื่องนี้อีกมองว่ามีอะไรหรือไม่ นายธีระ กล่าวว่า คงเป็นเรื่องของธุรกิจการท่องเที่ยว เชื่อมโยงหลายส่วน ทั้งผู้ประกอบการท่องเที่ยว ผู้ให้บริการต่างๆ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็แล้วแต่ อยากให้มองด้านอื่นๆ ด้วย ทั้งสุขภาพ ฝ่ายปกครอง ตำรวจ กู้ภัย ประชาชนโดยรอบ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจะป้องกันได้หรือไม่ หรือจะมีมาตรการอย่างไร
ถามถึงข้อกังวลแม้จะจัดโซนนิ่ง แต่พื้นที่รอบๆ ก็จะแห่มาใช้บริการ มีการเดินทางข้ามจังหวัด นายธีระ กล่าวว่า ใช่ ถึงจะมีพื้นที่โซนนิ่ง แต่พื้นที่รอบข้างก็จะมาเที่ยวผับบาร์พื้นที่ที่เปิดแน่นอน สุดท้ายก็แออัดกัน คุมไม่ได้อยู่ดี ดังนั้น ต้องดูว่าจุดขายที่แท้จริงของไทยคืออะไร ต้องการนักท่องเที่ยวเชิงคุณภาพ หรือต้องการอะไร จริงๆ นโยบายการท่องเที่ยวมีหลายมิติ การจะขยายเวลาเปิดผับบาร์ตนว่าไม่ควรพิจารณาเรื่องนี้
ถามว่า สคล.จะขอเข้าพบรัฐบาล ทั้งมหาดไทยหรือกระทรวงสาธารณสุขด้วยหรือไม่ นายธีระ กล่าวว่า คงไม่ได้ขอเข้าพบโดยตรง แต่จะทำเป็นหนังสือแสดงจุดยืน ขณะนี้ขอหารือเรื่องนี้ก่อน สิ่งสำคัญเรากังวลเรื่องความปลอดภัยมาก เพราะเป็นจุดอ่อน ยิ่งถ้ากำหนดโซนนิ่งขยายเวลาผับบาร์ คนก็จะเดินทางข้ามพื้นที่ เมาไม่ขับที่รณรงค์ก็จะไม่เป็นผล ปัญหาก็จะเกิดขึ้น นี่คือเรื่องความปลอดภัยจากการเดินทาง จริงๆอยากให้ฟังความคิดเห็นทุกด้าน ด้านตำรวจ ด้านการแพทย์ เรื่องเหล่านี้กระทบทุกมิติ จริงๆตอนนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรัฐมนตรีว่าการ สธ. ก็ปฏิเสธเรื่องนี้ เพราะรู้ว่ามีผลต่อมิติสุขภาพ จึงอยากให้ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สธ. แสดงจุดยืนตรงนี้เช่นกัน เพราะกระทบมิติสุขภาพโดยตรง สธ.ควรมีจุดยืนทำอย่างไรให้นโยบายนี้ไม่เสี่ยงเกินไป