สปสช. ชี้ยกระดับ "30 บาท" ทำได้หลายเรื่องทันที ทั้งส่งยาไปรษณีย์ เทเลเมิซีน ชีวาภิบาล จิตเวชครบวงจร ลดแออัด รพ. ช่วยยกระดับ รพ.ทุกระดับ ปชช.อยากรับบริการใกล้บ้าน ยิ่งใช้บัตร ปชช.ใบเดียวยิ่งสะดวก แค่ต้องบูรณาการข้อมูล ส่วนเบิกจ่ายมีระบบรองรับอยู่แล้ว
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงนโยบายยกระดับ “30 บาทรักษาทุกโรค” ว่า นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) มอบนโยบายนี้เพื่อยกระดับระบบหลักประกันสุขภาพฯ ซึ่งจากการหารือกับ รมว.สธ.และทีมงานของ สธ. คิดว่ามีหลายเรื่องที่ทำได้ โดยเฉพาะเรื่องลดความแออัดใน รพ. ไม่ว่าจะเป็นการส่งยาทางไปรษณีย์ รับยาใกล้บ้าน เทเลเมดิซีน หรือจัดบริการชีวาภิบาลและจิตเวชครบวงจร ขยายกลุ่มเป้าหมายการให้วัคซีนมะเร็งปากมดลูก เชื่อว่าบริการหลักๆ เหล่านี้จะเห็นผลเป็นรูปธรรมได้เร็ว ในส่วนของนโยบายใช้บัตรประชาชนใบเดียว จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ รพ.เอกชนทำแบบนี้มานานแล้ว ซึ่งวันนี้ภาครัฐกำลังทำให้ประชาชนที่เข้า รพ.รัฐได้รับบริการแบบนี้ เพียงแต่เมื่อภาครัฐจะดำเนินการก็จะมีความท้าทายที่ต้องมีการบูรณาการกันหลายหน่วยงาน เพราะไม่ใช่เป็นแค่การเอาบัตรประชาชนใบเดียวไปรับบริการ แต่เบื้องหลังต้องมีการบูรณาการข้อมูลทั้งหมดเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าถึงข้อมูลผู้ป่วยและให้บริการได้สะดวกขึ้น ซึ่ง สธ.มีเขตสุขภาพที่ 8 ที่มีความพร้อม เชื่อว่าถ้าเขตไหนทำแล้ว อีกไม่นานเขตอื่นๆ ก็ตามมา
ทั้งนี้ นอกจากเขตสุขภาพแล้ว พื้นที่ที่มีหน่วยบริการหลายสังกัดและมีความซับซ้อนในการบูรณาการข้อมูลก็ถือเป็นความยากอย่างหนึ่ง แต่ถ้านโยบายชัดเจนและทำได้สำเร็จก็จะเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างมาก เบื้องต้นอาจเริ่มเป็นกลุ่มๆ ก่อน เช่น รพ.สังกัด สธ.อยู่คลาวด์หนึ่ง โรงเรียนแพทย์อยู่คลาวด์หนึ่ง รพ.ทหารอยู่อีกคลาวด์หนึ่ง แล้วมีหน่วยงานกลางมาช่วยเชื่อมข้อมูลเข้าด้วยกัน ซึ่งเชื่อว่าในทางเทคโนโลยีแล้วสามารถทำได้ เชื่อว่าถ้าบูรณาการข้อมูลได้ขนาดนี้ จะยกระดับบริการเลย และนโยบายก็ไม่ใช่แค่ยกระดับ 30 บาท แต่จะยกระดับสถานพยาบาลใกล้บ้านด้วย เช่น กทม.จะเพิ่ม 50 รพ. 50 เขต หรือแม้แต่ รพ.ในต่างจังหวัดก็ต้องยกระดับขึ้นมา จะทำให้ประชาชนศรัทธาและอยากไปรับบริการใกล้บ้าน เช่น ถ้าอยู่ใกล้ รพ.สต. แต่เหมือนอยู่ใกล้หมอเพราะสามารถไปเทเลเมดิซีนกับหมอได้ มันก็เป็นการยกระดับ ไม่จำเป็นต้องไป รพ. และจะทำให้ประชาชนมั่นใจมากขึ้น
"อย่างใน กทม. ก็จะมีสถานพยาบาลทุติยภูมิมารองรับมากขึ้น ไม่ต้องส่งตัวสะเปะสะปะ เรามองในแง่บวกว่ามันจะยกระดับมากขึ้น ส่วนจะเป็นรูปธรรมแค่ไหนอย่างไร เชื่อว่าจะได้ทั้งปริมาณและคุณภาพ เช่น วัคซีนจะได้จำนวนมากขึ้น จะได้รับการตรวจคัดกรองมากขึ้น จะทำมะเร็งครบวงจรด้วย ชีวาภิบาล เดิมอาจจะไม่ได้พูดถึง แต่วันนี้พูดกันเป็นเรื่องเป็นราวว่าจะทำรูปแบบไหนอย่างไร เป็นต้น ในส่วนของระบบการเบิกจ่ายของ สปสช. พร้อมรองรับนโยบายเหล่านี้ ที่ผ่านมา สปสช.ใช้การยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนอยู่แล้ว ยิ่งมีนโยบายบัตรประชาชนใบเดียว เมื่อเสียบบัตรประชาชนที่หน่วยบริการ ข้อมูลก็จะวิ่งมาที่ สปสช. เมื่อให้บริการไปแล้วก็มีข้อมูลส่งมาอีกว่าประชาชนมารับบริการอะไร สปสช.ก็เตรียมพร้อมจ่ายชดเชยค่าบริการได้ทันที” นพ.จเด็จ กล่าว