"ชลน่าน" เผยคัด 7 นโยบายเป็น Quick Win 100 วัน พร้อมบวกอีก 2 เรื่อง "ยาเสพติด" เป็นนโยบายระดับชาติ ตั้งเป้ามีมินิธัญญารักษ์ทุกจังหวัด ช่วยบำบัดรักษาฟื้นฟูและ "ส่งเสริมการมีบุตร" ดันเป็นวาระแห่งชาติถือว่าประสบความสำเร็จ เตรียมเสนอ ครม.สัปดาห์ต่อไป แจง "กัญชา" อยู่ในส่วนของการบำบัด แก้กฎหมายไม่อยู่ใน Quick Win ลั่นไม่เคยพูดตัดเรื่องปลูก 15 ต้น จ่อนัดคุย ยธ.ปมคืนบางส่วนเป็นยาเสพติด
เมื่อวันที่ 27 ก.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะอำนวยการขับเคลื่อนนโยบายเพื่อรองรับนโยบายของรัฐบาลด้านการแพทย์และสาธารณสุข 13 เรื่อง ว่า วันนี้คณะกรรมการประชุมเพื่อพิจารณานำเสนอนโยบายที่จะจัดทำเป็นนโยบาย Quick Win 100 วันเห็นผลทำสำเร็จ ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณา จาก 13 นโยบาย ก็จะคัดเลือกให้เป็นนโยบายเด่นเสนอต่อ ครม.ในสัปดาห์ต่อไป เบื้องต้นเสนอมา 7 เรื่อง บวกเพิ่มเติมที่ประชุมเห็นว่าจำเป็นและต้องประกาศว่าเป็นนโยบายสำคัญ คือ เรื่องยาเสพติด เกี่ยวกับบำบัดรักษาฟื้นฟูยาเสพติด ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ สธ.เรา ซึ่งเป็นนโยบายระดับชาติ และอีกเรื่อง คือ การส่งเสริมการมีบุตร ที่ประชุมเห็นว่า หากผลักดันเป็นวาระแห่งชาติได้ ก็ถือว่าเป้น Quick Win ที่ประสบความสำเร็จ ส่วนอีก 7 เรื่องก็อยู่ในแนวนโยบายอยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับอีก 7 นโยบายที่มีการเสนอให้เป็น Quick Win 100 วัน ประกอบด้วย 1.โครงการเกี่ยวกับพระราชดำริและโครงการเฉลิมพระเกียรติของพระบรมวงศานุวงศ์ 2.โรงพยาบาล กทม. 50 เขต 50 รพ. โดยจะเพิ่ม City Hospital ที่จะดำเนินการที่เชียงใหม่ 3.มะเร็งครบวงจร 4.สร้างขวัญกำลังใจบุคลากร 5.สถานชีวาภิบาล 6.ดิจิทัลสุขภาพ บัตรประชาชนใบเดียวรักษาทุกที่ และ 7.เศรษฐกิจสุขภาพ
ถามว่า เรื่องยาเสพติดจะเน้นเรื่องอะไรบ้าง นพ.ชลน่านกล่าวว่า สธ.มีหน้าที่เกี่ยวกับการบำบัด รักษา ฟื้นฟู ที่เราเห็นชัดสุด คือ 1 จังหวัด ควรมีสถานบำบัด เราจะใช้ชื่อว่า "มินิธัญญารักษ์" ถ้าเราประกาศและจัดทำโครงการนี้ และสามารถผลักดันให้มีสถานบำบัดรองรับทุกจังหวัดก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
ถามต่อว่าเรื่องกัญชา อยู่ในนโยบายยาเสพติดด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในส่วนของการบำบัด ถามย้ำว่าในเรื่องของกฎหมายกัญชาไม่ได้จัดไว้ใน Quick Win ใช่หรือไม่ ในการทำกฎหมายให้ชัดเจน นพ.ชลน่านกล่าวว่า ไม่ได้จัด ตรงนี้เป็นเรื่องการดูแลรักษา
เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายห่วงใยเรื่องของการปรับเปลี่ยนกฎหมายกัญชา จะมีการเชิญมาแสดงความคิดเห็นด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า แน่นอน เราต้องรับความเห็นทุกภาคส่วน คือ หลายส่วนอาจจะฟังแล้วไม่เข้าใจ แล้วไปตั้งสมมติฐานเองในสิ่งที่เป็นแนวนโยบาย
"ผมเน้นย้ำว่าต้องเป็นไปตามนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภา คือ กัญชาเพื่อการแพทย์และสุขภาพ จำเป็นต้องมีกฎหมายมาควบคุมในการใช้กัญชา เพราะกัญชาใช้อย่างแพร่หลาย และมิติของสุขภาพเป็นมิติของการสร้างเศรษฐกิจ กัญชามีทั้งบวกและลบ ถ้าเราใช้ให้เป็นเกิดประโยชน์สูงสุดมาก ไม่ว่าจะเป็นมิติสุขภาพหรือเศรษฐกิจ เพราะฉะนั้นต้องดูเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ กฎหมายที่มีอยู่อะไรจะเกิดประโยชน์สูงสุดเราก็เข้าไปดูเท่านั้นเอง ไม่ได้ไปยกเลิกหรือปรับรื้อแล้วทำให้เกิดความเสียหาย" นพ.ชลน่านกล่าว
ถามว่าเครือข่ายกัญชาออกมาต้าน เพราะไม่อยากให้ยกเลิกการปลูก 15 ต้น นพ.ชลน่านกล่าวว่า น่าจะฟังความคลาดเคลื่อน เช่น บอกว่าตนห้ามปลูก 15 ต้น ซึ่งตนไม่เคยพูดว่าห้ามปลูก 15 ต้นเลย ตนใช้คำว่าผู้ผลิต เช่น การปลูก 15 ต้น หากจะให้ปลูก จะปลูกอย่างไรให้มีคุณภาพ และประชาชนที่ปลูกก็สามารถเข้าสู่กระบวนการรับซื้อการผลิตได้ ไม่ใช่ให้ปลูกแล้วปล่อยทิ้งไว้ไม่รับซื้อ ปัญหามันอยู่ตรงนั้น แต่อ้างว่าไม่มีคุณภาพ นี่คือปัญหา ตนเพียงเสนอว่า ถ้าจะให้ประชาชนต้องมีรายได้ จะต้องมีมาตรการรองรับ
ถามอีกว่าจะมีการนัดหารือเมื่อไรในการนำบางส่วนของกัญชามาเป็นยาเสพติด นพ.ชลน่านกล่าวว่า ยังไม่ได้นัด แต่เบื้องต้นกำลังประสานกับกระทรวงยุติธรรม (ยธ.) เราจะคุยภาพใหญ่ก่อน ยธ.มอบให้ สธ.จากที่ประชุม ครม.เมื่อวานมีการหารือกัน 2 กระทรวง สธ.จะเป็นเจ้าภาพเชิญ ยธ.มาคุยเรื่องนี้เบื้องต้นก่อน จากนั้นพอได้ภาพใหญ่ก็จะเชิญผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมา ส่วนแรกคือเรากับ ยธ.ก่อน เพราะการดูแลเรื่องยาเสพติดเป็นภาพใหญ่ มี 3 ส่วนใหญ่ ของ สธดูแลเรื่องการบำบัดรักษา การป้องกันปราบปราม และมิติที่จะไปเกี่ยวเนื่องกับสารที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มด้านเศรษฐกิจ