"ปานเทพ" ขอ "ชลน่าน" พิจารณารอบด้าน นำบางส่วน "กัญชา" กลับเป็นยาเสพติด อาจซ้ำซ้อนกับ พ.ร.บ.ที่จะเข็นออกมา แนะฟังความเห็นนอกกระทรวง และภาคธุรกิจที่อาจได้รับผลกระทบ ย้ำการป้องกันเด็กและเยาวชน มีกฎหมายอยู่แล้ว แต่ต้องเข้มบังคับใช้กฎหมาย เพิ่มโทษให้แรงขึ้น
เมื่อวันที่ 25 ก.ย. นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงกรณีพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ยกร่าง พ.ร.บ.กัญชง กัญชา พ.ศ. ... เข้าสู่การพิจารณาของสภาอีกครั้ง ว่า ขณะนี้ ภท.เสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ 94 มาตรา หมายถึงร่างที่มีการแก้ไขโดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ ที่ค้างมาจากสภาชุดที่แล้ว ซึ่งเป็นร่างที่มีการแก้ไขมาระดับหนึ่งแล้ว ตามขั้นตอนแล้วหากมีการเสนอกฎหมายเข้าไป ก็จะนำไปสู่การพิจารณาของสภาว่าจะรับหลักการหรือไม่ หากเห็นชอบก็จะต้องแปรญัตติ หรือเห็นชอบให้ปรับปรุงแก้ไขรายมาตรา เพื่อให้ออกมาเป็นกฎหมายเฉพาะได้ หลังจากนั้นก็ประกาศบังคับใช้ก็จะมีสถานภาพควบคุมในระดับ พ.ร.บ. ซึ่งจะเป็นที่ยุติโดยกระบวนการตามกฎหมาย
เมื่อถามถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เตรียมเสนอบางส่วนของกัญชากลับเป็นยาเสพติด จากเดิมที่มีเพียงสาร THC ที่มากกว่า 0.2% นายปานเทพกล่าวว่า สธ.เป็นองค์กรหนึ่งที่สามารถชี้นำคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดได้ หากมีการพิจารณาเห็นชอบแล้วจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงบัญชียาเสพติดก็ต้องผ่าน ป.ป.ส. ที่มีนายกฯ เป็นประธาน อีกชั้นหนึ่ง คำถามคือว่า หากเป็นยาเสพติดแล้ว การควบคุมโดยร่าง พ.ร.บ.กัญชาฯ อาจจะซ้ำซ้อนหรือไม่สอดรับกันด้วย จึงต้องไปพิจารณาเพื่อหามาตราควบคุมอย่างไรให้เหมาะสม
“ปัจจุบันแม้ไม่ประกาศส่วนที่เป็นยาเสพติดเพิ่ม การควบคุมก็มี พ.ร.บ.คุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 อยู่แล้ว มีมาตราควบคุมช่อดอก ซึ่งจริงๆ สามารถออกมาตราให้เข้มข้นขึ้นได้ รวมถึงทำให้เกิดการบังคับใช้ทางกฎหมายอย่างจริงจัง เพียงแต่บทลงโทษอาจไม่รุนแรงเท่าการมี พ.ร.บ.เฉพาะ หากต้องการบทลงโทษเหมือนยาเสพติดตามที่สังคมห่วงใย ก็สามารถเพิ่มโทษในร่างพ.ร.บ.กัญชาฯ ได้เช่นกัน ซึ่งเป็นทางที่เหมาะสมมากกว่า” นายปานเทพกล่าว
นายปานเทพกล่าวว่า หากมีการประกาศให้ส่วนอื่นของกัญชาเป็นยาเสพติด คำถามคือว่า ในส่วนที่ไม่ใช่ทางการแพทย์ อย่างปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ออกมาเยอะมาก เช่น เครื่องสำอาง อาหารเสริม ที่มีความปลอดภัยแต่ก็ไม่ใช่ทางการแพทย์ ก็จะกลายเป็นผิดกฎหมาย ดังนั้น ขึ้นอยู่กับขอบเขตที่จะมีการประกาศเอาบางส่วนของกัญชาเป็นยาเสพติด ได้ประเมินคุณค่าและมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เป็นประโยชน์และปลอดภัยเอาไว้หรือไม่ ถ้าพิจารณาไม่รอบด้านถึงส่วนนี้ก็จะเกิดผลกระทบต่อผู้ประกอบการอย่างสุจริต
ถามว่าหากประกาศให้ส่วนอื่นของกัญชา เช่น ช่อดอก เป็นยาเสพติด จะกระทบต่อผลิตภัณฑ์หรือภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ใช้เพื่อดูแลตนเองในครัวเรือนอย่างไร นายปานเทพกล่าวว่า กระทบแน่นอน ก็จะทำไม่ได้อยู่แล้ว เพราะหากเป็นยาเสพติด ก็จะต้องถูกใช้ในทางการแพทย์และวิจัยเท่านั้น ฉะนั้น วิถีชาวบ้านที่ไม่นับเป็นการแพทย์ หรือเครื่องสำอาง อาหาร อาหารเสริมก็จะใช้ไม่ได้ทั้งนั้น ตนจึงมีความเป็นห่วงว่า รมว.สธ. อาจยังไม่ได้ฟังความเห็นนอกกระทรวง เช่น ผู้ที่ได้ประโยชน์ ผู้ลงทุนอย่างสุจริต หรือผู้ที่ใช้ประโยชน์เพื่อสุขภาพจริงๆ เป็นอย่างไร หรือมีการสำรวจการใช้ที่ผ่านมาแล้วหรือยัง ส่วนมิติของการป้องกันเด็กและเยาวชนที่ใช้มากขึ้น ต้องพิจารณาถึงบทลงโทษและการบังคับใช้กฎหมาย แต่มิติที่ประชาชนได้ประโยชน์ต้องพิจารณาให้มาก เพราะประชาชนเขาได้รับสิทธิในการพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ลดรายจ่าย ลดการพึ่งพาหมอให้น้อยลง ตรงนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบด้านมากกว่ามิติของแพทย์แผนปัจจุบันเพียงอย่างเดียว
ถามว่าหากมี พ.ร.บ.กัญชาฯ จะช่วยป้องกันการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนได้จริง นายปานเทพกล่าวว่า จริงๆ ปัจจุบันมี พ.ร.บ.คุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยฯ ก็ครอบคลุมอยู่แล้ว มีการกำหนดว่าห้ามจำหน่ายให้กับเด็กและเยาวชน แต่หากมี พ.ร.บ. ก็จะกำหนดบทลงโทษที่แรงขึ้นกว่าเดิม แต่ความสำคัญคือ การบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เจ้าหน้าที่ปล่อยปละละเลยหรือไม่ รับผลประโยชน์หรือไม่ ซึ่งเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย หากเจ้าหน้าที่รัฐไม่บังคับใช้กฎหมาย ต่อให้เป็นยาเสพติด ก็จะมีคนลักลอบใช้อยู่ดี เพราะอย่าลืมว่าก่อนหน้านี้เกือบ 90% เป็นการใช้กัญชาใต้ดิน แปลว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องกฎหมายอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการบังคับใช้กฎหมายด้วย