ผอ.ศูนย์ศึกษาปัญหาเสพติด หนุน "ชลน่าน" คลอด กม.คุมกัญชา ปิดสันทนาการ ควรออก Quick Win คืนบางส่วนกัญชา อย่างช่อดอก ต้นทาง THC เป็นยาเสพติด หลังพบเด็กและเยาวชนหาจากใต้ดิน พี้เพิ่มขึ้น 10 เท่า
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. รศ.พญ.รัศมน กัลยาศิริ ผอ.ศูนย์ศึกษาปัญหาการเสพติด (ศศก.) กล่าวถึงกรณี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เดินหน้าพิจารณาปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เน้นการใช้ทางการแพทย์ และสุขภาพ ปิดการใช้สันทนาการ ไม่อนุญาตให้ปลูกบ้านละ 15 ต้น และจะออกประกาศนำบางส่วนของกัญชากลับเข้ามาเป็นยาเสพติด ว่า ที่ผ่านมาในฝั่งของบุคลากรทางการแพทย์ การใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์นั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร แต่ปัญหาที่พบขณะนี้ คือ คนที่เจ็บป่วยจากการใช้กัญชาสันทนาการมากขึ้น โดยเฉพาะเด็กๆ ที่พบว่ามีการสูบกัญชามากขึ้นกว่า 10 เท่า จากข้อมูลการศึกษาในกลุ่มเด็กอายุ 18-19 ปี ตั้งแต่ปี 2019 - 2022 มีการสูบเพิ่มขึ้น 10 เท่า หรือสูบเพิ่มขึ้น 9.7% จาก 0.9% จากสถานการณ์ดังกล่าว แน่นอนว่ากฎหมายมีการห้ามนำไปใช้ในเด็ก แต่ก็พบว่าเด็กไปหาซื้อกัญชาใต้ดินมาใช้ แปลว่ากฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่ครอบคลุม
รศ.พญ.รัศมน กล่าวว่า ตนจึงเห็นด้วยให้มีการปรับปรุงกฎหมาย มาควบคุมเรื่องของการใช้กัญชา กัญชงเป็นการเฉพาะ ไม่อนุญาตให้มีการใช้สันทนาการโดยเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงกฎหมายระดับ พ.ร.บ.เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลานานต้องดูหลายๆเรื่อง ดังนั้นจึงควรมีการปรับแก้หรือออกประกาศ ให้นำบางส่วนของกัญชากลับเข้าไปอยู่ในบัญชียาเสพติดประเภท 5 เหมือนเดิม เพราะปัจจุบันเข้าใจว่ามีการกำหนดให้เฉพาะ สารเมา หรือสาร THC เกิน 0.2% เท่านั้นที่เป็นยาเสพติด ทั้งๆ ที่ต้นทางอย่างดอกกัญชา ซึ่งมีสารเมาอยู่ในปริมาณมากกลับไม่ถูกควบคุม ดังนั้น ระหว่างที่ยังไม่มี พ.ร.บ.ออกมา จึงควรมีประกาศควบคุมตั้งแต่ต้นทาง คือบางส่วนของกัญชาที่มีสาร THC สูง
เมื่อถามว่า รมว.สธ.ประกาศ เป็นนโยบาย Quick Win ที่จะต้องเร่งดำเนินการหรือไม่ รศ.พญ.รัศมน กล่าวว่า ก็อยากให้มีการประกาศนโยบาย Quick Win เหมือนกัน เพื่อลดผลกระทบ ที่เกิดขึ้น จากปัญหาการนำกัญชาไปใช้ในทางที่ผิดโดยเฉพาะการสูดเพื่อสันทนาการในกลุ่มเด็กๆ ดังนั้น ดีที่สุดคือการ ควบคุมตั้งแต่ต้น ทางที่เป็นตัวกำเนิดสาร thc ให้กลับมาเป็นยาเสพติด แต่ก็ต้องเขียนให้ชัดว่าอะไรที่ใช้ได้บ้าง เพราะถ้าจะควบคุมไปทั้งหมด ก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน