กรมอนามัย แนะไม่ซื้อขายหรือรับบริจาค "นมแม่" หากแม่ไม่มีน้ำนมให้ลูกจริง ให้ขอผ่านธนาคารนมแม่ ที่เป็นการรับบริจาคอย่างถูกต้อง มีการตรวจคัดกรองเชื้อ และพาสเจอไรซ์ ไม่ให้เกิดผลเสียต่อทารก
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นพ.สราวุฒิ บุญสุข รองอธิบดีกรมอนามัย ให้สัมภาษณ์กรณีการขายนมแม่แช่แข็งในกลุ่มแม่และเด็ก ว่า การซื้อขายนมแม่ ทั้งต่างประเทศและในประเทศไทยยังไม่มีกฎหมายมาควบคุม ทั้งนี้ ประเทศไทยมีการรับนมแม่จากผู้อื่นอย่างถูกต้อง สามารถทำได้ผ่านธนาคารนมแม่ (Milk Bank) ซึ่งผู้ที่นำนมแม่มาบริจาค จะมีขั้นตอนการคัดกรองเชื้อ เนื่องจากในนมแม่สามารถพบเชื้อจากผู้เป็นแม่ได้ อย่างเช่นเชื้อเอชไอวี สารเสพติด หรือยาบางชนิด ดังนั้น ธนาคารนมแม่จะมีมาตรฐานคุณภาพในการคัดกรองเชื้อต่างๆ มีการควบคุมคุณภาพของน้ำนมในรูปแบบพาสเจอร์ไรซ์ เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียที่ส่งผลต่อสุขภาพของทารก
“เราไม่แนะนำให้รับนมแม่จากผู้อื่นมาให้ลูก งดรับบริจาคนมแม่ที่ไม่ผ่านธนาคารนมแม่ และยังไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนในเรื่องนี้ จึงขอแนะนำว่าหากแม่ท่านใดที่ไม่มีนมให้ลูก สามารถติดต่อขอรับนมแม่จากธนาคารนมแม่ได้ เช่น รพ.ศิริราช รพ.รามาธิบดี รพ.เด็ก ศูนย์อนามัยของกรมอนามัย เป็นต้น” นพ.สราวุฒิ กล่าว
นพ.สราวุฒิ กล่าวว่า ปริมาณน้ำนมแม่ของธนาคารนมแม่ มีความเพียงพอต่อความต้องการ และยังมีหลายหน่วยงานเข้ามาสนับสนุนเรื่องนี้ เช่น ยูนิเซฟ รพ.เอกชน ทำให้คุณแม่เข้าถึงบริการได้ง่าย นอกจากนี้ แม่ที่คลอดลูกแล้วแต่ไม่มีน้ำนมให้ลูก ก็สามารถติดต่อที่ รพ.ใกล้บ้าน เพื่อปรึกษาคุณหมอ หาวิธีทำให้มีน้ำนม ซึ่งคุณหมอก็จะแนะนำการดูแลสุขภาพ อาหารการกินให้คุณแม่สามารถผลิตน้ำนมได้ โดยการบริการนี้จะรวมอยู่ในสิทธิประโยชน์ตามระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติที่ไม่มีค่าใช้จ่ายด้วย ทั้งนี้ กรมอนามัยร่วมกับยูนิเซฟทำโครงการส่งนมแม่ให้สำหรับผู้ที่เป็นแม่คลอดลูกแต่อยู่ห่างกัน โดยแม่สามารถปั๊มน้ำนมของตัวเองแล้วนำส่งไปให้ลูกได้โดยที่น้ำนมยังรักษาคุณภาพไว้ได้ ซึ่งจะมีการขนส่งผ่านเครื่องบินไปถึง รพ.สต. ในพื้นที่ได้เลย ทั้งหมดนี้เป็นบริการฟรีสำหรับคุณแม่