"ชลน่าน" แจงขยายอายุฉีดวัคซีนเอชพีวีสาวไทยเป็น 11-20 ปี อยู่ในเหตุผลทางการแพทย์ วัคซีนมีเพียงพอ 1.3 ล้านโดส มั่นใจ 100 วันทำได้สำเร็จ ปลัด สธ.แจงฉีดช่วงหลังป.6 ยังมีประโยชน์ แจง Quick Win บรรจุซี 8 จะผลักดันวิชาชีพที่ค่างานครบตามระเบียบ ก.พ.ให้ได้ทุกคน
เมื่อวันที่ 20 ก.ย.นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีการขยายอายุกลุ่มฉีดวัคซีนเอชพีวี ป้องกันมะเร็งปากมดลูกในสาวไทยอายุ 11-20 ปี ซึ่งเป็น 1 ใน 13 Quick Win ด้านมะเร็งครบวงจร ที่จะเดือนหน้าใน ต.ค.นี้ ให้สำเร็จในช่วง 100 วันแรก ว่า การขยายอยู่บนพื้นฐานเหตุผลทางการแพทย์ ที่จะป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้ เดิมเราวางที่ 9-15 ปี แต่เราดูแล้ว บริบทของประเทศเรา ถ้าขยายกลุ่มให้ครบคลุมมากขึ้นคือวัย 18-20 ปี การให้วัคซีนเพื่อลดอัตราป่วยและอัตราตายจากมะเร็งปากมดลูกจะครอบคลุมมากขึ้น
เมื่อถามว่าวัคซีนเอชพีวีที่ก่อนหน้านี้มีการขาดคราวไป การจะฉีด 1 ล้านโดส ขณะนี้มีวัคซีนเพียงพอแล้วหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้วัคซีนมีเพียงพอที่จะฉีดจำนวน 1 ล้านโดส เรามีประมาณ 1.3 ล้านโดส เช็กสต๊อกเรียบร้อย สำหรับแผนการให้วัคซีนเรามั่นใจว่า 100 วันจะทำสำเร็จ ส่วนค่าใช้จ่ายขณะนี้เรามีแผนจัดซื้อวัคซีนเดิมไว้เรียบร้อย ใช้เม็ดเงินเดิมในการขยายกรอบกลุ่มเลยไม่กระทบเม็ดเงิน เพราะเรามีวัคซีนอยู่แล้ว ส่วนแผนปีต่อไปจะมาดูให้ครอบคลุมมากขึ้นสำหรับรายใหม่และรายที่ตกค้าง
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัด สธ. กล่าวว่า หลักๆ คือมะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวีที่ปากมดลูก และสัมพันธ์กับการมีเพศสัมพันธ์ การฉีดวัคซีนก่อนมีเพศสัมพันธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด จึงกำหนดกลุ่มอายุตอนเรียน ป.6 แต่ไม่ได้หมายความว่าฉีดหลังจากนี้จะไม่มีประโยชน์ ประโยชน์ยังมีและประเทศเรามีเพศสัมพันธ์ช้ากว่าทางตะวันตก กลุ่มอายุ 12-20 ปี หลายส่วนก็ยังมีประโยชน์อยู่ การขยายตรงนี้เป็นเหตุผลทางการแพทย์ ส่วนค่าใช้จ่ายจะมีค่าฉีดกับค่าวัคซีน วัคซีนปีนี้มีอยู่แล้ว ค่าฉีด สปสช.จะให้งบประมาณค่าฉีดวัคซีนเข็มละ 20 หรือ 40 บาท ซึ่งรมว.สธ.จะมีการมอบนโยบายให้ สสปช.อีกครั้ง ส่วนค่าวัคซีนโดสหนึ่งประมาณร้อยกว่าบาท กรมควบคุมโรคเตรียมไว้แล้ว หลายส่วนก็เป็นวัคซีนที่สภากาชาดไทยรับบริจาคมากและมอบให้ สธ.
เมื่อถามถึงการสร้างขวัญกำลังใจ โดยบรรจุชำนาญการพิเศษที่จะเป็น Quick Win จะเป็นพยาบาลหรือวิชาชีพไหน นพ.โอภาสกล่าวว่า เรื่องขวัญกำลังใจมีหลายอย่าง คือ บรรจุตำแหน่งเป็นข้าราชการ ให้มีความก้าวหน้าวิชาชีพ และมีสวัสดิการที่ดี แต่เราอยู่ภายใต้ระเบียบสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ซึ่ง รมว.สธ.ให้นโยบายว่าต่อไปเราจะมีคณะกรรมการกำลังคนด้านสาธารณสุข ซึ่งสามารถกำหนดตำแหน่งบรรจุต่างๆ ของเราได้เอง คล้ายข้าราชครูเป็นเป้าหมายสุดท้าย แต่ในระยะสั้นเรื่องวิชาชีพคงให้ความเหมาะสมกับแต่ละวิชาชีพ อย่างพยาบาลเป็นตัวอย่างเรื่องซี 8 ไม่ว่าจะเป็นนักวิชาการสาธารณสุข นักการสาธารณสุข หรือเภสัชกร ถ้ามีค่างานที่ครบ ก.พ.ก็จะให้ตำแหน่งเรามา ถ้าตรงไหนมีค่างานครบตามระเบียบ ก.พ.ก็จะพยายามผลักดันให้ได้ทุกคน อีกรเองคือคนทีไปเรียนต่อโดยเฉพาะแพทย์ จะไม่มีการเลื่อนขั้นเงินเดือนถึง 3 ปี ก็จะผลักดันในระยะสั้นไปเรียนต่อแพทย์เฉพาะทางโดยไม่ถูกแป้กเงินเดือน และสวัสดิการจะมีการช่วยการลดภาระหนี้สินของบุคลากรในหลายมิติ จะมีรายละเอียดที่รัฐมนตรีสั่งการออกมาอีกที