"ชลน่าน" แจงปูพรมฉีดวัคซีนเอชพีวีป้องกันมะเร็งปากมดลูกเป็น Quick Win 100 วัน จะเร่งฉีดในกลุ่มผู้หญิงอายุ 11-20 ปี หลังพบสาวไทยป่วยเพิ่มปีละ 6,500 ราย มอบ สสจ.ประเมินจำนวนกลุ่มเป้าหมายแต่ละจังหวัด แบ่งฉีด 2 ส่วน ป.5 - ม.6 ผ่านสถานศึกษา และกลุ่มนอกโรงเรียนรวมอายุ 18-20 ปี ที่สถานพยาบาล
เมื่อวันที่ 16 ก.ย. นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีประกาศหน้าฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูกทั่วประเทศอย่างน้อย 1 ล้านโดส เป็นโครงการ Quick Win ที่ทำได้ใน 100 วันแรกหลังรับตำแหน่ง ว่า โรคมะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่พบมากในหญิงไทยเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 6,500 ราย และมีผู้เสียชีวิตปีละประมาณ 2 พันราย เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human papillomavirus (HPV) ที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนที่ต้องฉีดตั้งแต่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งที่ผ่านมาประเทศไทยกำหนดให้บริการฉีดวัคซีน HPV จำนวน 2 เข็ม เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับนักเรียนหญิงชั้นป.5 ตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งปัจจุบันเด็กกลุ่มดังกล่าวจะมีอายุ 17 ปี ดังนั้น ผู้หญิงอายุ 18 ปีขึ้นไปจึงยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนนี้ ประกอบกับปี 2562 - 2565 ทั่วโลกประสบปัญหาวัคซีน HPV ขาดคราวในช่วงโควิด 19 ระบาด ทำให้กลุ่มเป้าหมาย ป.5 ในปีดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันอายุ 13-15 ปี ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน จึงได้กำหนดให้การฉีดวัคซีน HPV เป็นหนึ่งในนโยบาย Quick Win ในประเด็น “มะเร็งครบวงจร”
นพ.ชลน่านกล่าวว่า การเดินหน้า Quick Win เรื่องวัคซีน HPV คือ การเร่งรัดการฉีดวัคซีนสำหรับหญิงอายุ 11-20 ปี ซึ่งได้มอบหมายให้กรมควบคุมโรคเร่งกำหนดแนวทางการให้วัคซีน และให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประเมินจำนวนกลุ่มเป้าหมาย รวมทั้งมอบให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เร่งจัดหาวัคซีนเพิ่มเติม ทั้งนี้ การฉีดจะมี 2 ส่วน คือ กลุ่มเด็ก ป.5 - ม.6 จะฉีดผ่านสถานศึกษา (School-based program) โดยร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ฉีดเป็นกลุ่มเหมือนกับที่เคยฉีดวัคซีนโควิด 19 ส่วนอีกกลุ่มที่เป็นเด็กนอกระบบการศึกษารวมถึงหญิงอายุ 18-20 ปี ที่จบชั้น ม.6 แล้ว จะได้รับการฉีดที่สถานพยาบาล ตั้งเป้าหมายว่าต้องฉีดวัคซีน HPV ให้ได้อย่างน้อย 1 ล้านโดสภายในเวลา 100 วัน