เปิดผลสำรวจผู้ปกครอง-ครู 9 ใน 10 คน หนุนรัฐบาลคงมาตรการห้ามนำเข้า-ห้ามขาย "บุหรี่ไฟฟ้า" เหตุรู้อันตรายต่อสุขภาพ มีสารพิษ สารก่อมะเร็งหลายชนิด แนะเร่งปราบปรามทั้งขายหน้าร้าน-ออนไลน์ เรียกร้องรัฐมนตรี สธ.- ศธ.-พณ.-คลัง แบนบุหรี่ไฟฟ้า 100%
เมื่อวันที่ 13 ก.ย. ที่โรงแรมเอเชีย ราชเทวี ในงานเสวนาวิชาการ "ผลการสำรวจความคิดเห็นผู้ปกครองและครูต่อนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า" ดร.สุริยัน บุญแท้ รอง ผอ.ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นผู้ปกครองและครูต่อนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า ปี 2566 สนับสนุนโดยศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ว่า จากการสุ่มตัวอย่างจากทุกภูมิภาค 5,582 ตัวอย่าง ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียนประถมศึกษาตอนปลาย-มัธยมศึกษาตอนปลาย 4,087 ราย ครู/ผู้บริหารโรงเรียน 1,495 ราย พบว่า ผู้ปกครอง ครู/ผู้บริหารโรงเรียน 91.5% หรือ 9 ใน 10 สนับสนุนให้รัฐบาลคงมาตรการห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชน โดย 80.7% รู้ว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอันตรายต่อสุขภาพมีสารพิษและสารก่อมะเร็งหลายชนิด และ 80.2% เชื่อว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นจุดเริ่มต้นนำไปสู่การสูบบุหรี่มวนและสารเสพติดอื่น
ทั้งนี้ ส่วนใหญ่เห็นว่าประโยชน์ทางภาษีหากอนุญาตให้ขายบุหรี่ไฟฟ้าได้นั้นไม่คุ้มค่ากับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น โดย 88.4% เห็นว่าไม่คุ้มค่ากับค่ารักษาพยาบาลจากโรคที่จะเกิดจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้า และ 85% เห็นว่าไม่คุ้มค่ากับการที่ทำให้เด็กและเยาวชนติดบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ 95.4% เห็นว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควรเร่งให้ความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับโทษและพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้า และ 93% เห็นว่าควรเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้า ทั้งขายหน้าร้านและออนไลน์
ดร.นิวัตร นาคะเวช นายกสภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทยมีความห่วงใยเด็ก เยาวชน และผู้ปกครองต่อการดูแลบุตรหลาน ขอยืนยันต่อต้านการนำบุหรี่ไฟฟ้าเข้ามาสู่เด็กและเยาวชนไทย เพราะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สภาพจิตใจ และอารมณ์ โดยผู้ปกครองต้องสร้างเสริมสุขในครอบครัว ด้วยการดูแลเอาใจใส่บุตรหลานให้มีทักษะในการปฏิเสธบุหรี่ไฟฟ้า แก้ปัญหาและตัดสินใจอย่างมีวิจารณญาณ เสริมด้วยความรัก ความเมตตา และความอบอุ่น เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับบุตรหลาน เพื่อให้เด็กและเยาวชนไม่หันไปหาอบายมุข สิ่งเสพติด ตลอดจนบุหรี่ไฟฟ้าที่กำลังแพร่ระบาด ทั้งนี้ สภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย ขอแสดงจุดยืนต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า เรียกร้องให้รัฐบาล คงกฎหมายห้ามนำเข้าห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าและเร่งบังคับใช้กฎหมาย เพื่อปกป้องบุตรหลานของเราจากบุหรี่ไฟฟ้า
ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผอ.ศจย. กล่าวว่า ศจย. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ สภาผู้ปกครองและครูแห่งประเทศไทย สภาการศึกษาคาทอลิกแห่งประเทศไทย กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ขอแถลงจุดยืนต่อรัฐบาลใหม่เกี่ยวกับนโยบายบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติไทย ดังนี้ 1.รัฐมนตรีและผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ให้ความสำคัญโดยคงนโยบายห้ามนำเข้าและห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้า 2.หน่วยงานด้านการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สคบ. ฝ่ายปกครอง ต้องเร่งปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง เพราะมีการลักลอบขายที่หน้าร้านและออนไลน์อย่างแพร่หลาย 3.หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งพ่อแม่ผู้ปกครอง และครู สื่อสารมวลชนทุกแขนง ต้องเฝ้าระวังการตลาดล่าเหยื่อมุ่งเป้าที่เด็กอายุน้อยลงของธุรกิจบุหรี่ไฟฟ้าโดยเฉพาะการแทรกแซงนโยบายรัฐของอุตสาหกรรมยาสูบ และ 4.หน่วยงานด้านการศึกษา ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงการอุดมศึกษาวิทยาศาสตร์วิจัยและนวัตกรรม ต้องบรรจุหลักสูตรการเรียนการสอนรู้เท่าทันพิษภัยและการตลาดของบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อสร้างค่านิยมคนรุ่นใหม่ ไม่เอาบุหรี่ไฟฟ้า
นายชนะ สุ่มมาตย์ ผู้อำนวยการศูนย์ความปลอดภัย ศธ. กล่าวว่า ศธ.มีจุดยืนต่อต้านบุหรี่ไฟฟ้า ด้วยมาตรการ 3 ป ได้แก่ ป้องกัน ปลูกฝัง ปราบปราม ตามนโยบายสถานศึกษาปลอดภัย คือ 1.ป้องกัน แก้ไขปัญหายาเสพติดประเภทบุหรี่ไฟฟ้าไม่ให้แพร่ระบาดในนักเรียน นักศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษา กำหนดมาตรการป้องกันจากปัจจัยเสี่ยง 2.ปลูกฝัง เสริมสร้างการเรียนรู้ให้เห็นถึงโทษของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าที่มีผลต่อสุขภาวะ และร่วมต่อต้านการการสูบหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษา 3.ปราบปราม ไม่ให้มีการซื้อ ขาย เสพบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาอย่างเด็ดขาด ให้การบำบัด รักษาช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟูนักเรียน นักศึกษา ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เสพติดบุหรี่ไฟฟ้า
ศ.นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย สมาคมโรคระบบหายใจและเวชบำบัดวิกฤตในเด็กแห่งประเทศไทย และสมาคมกุมารประสาทวิทยา (ประเทศไทย) แถลงจุดยืนเพื่อปกป้องเด็กและเยาวชนไทยจากพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้า 1.คงกฎหมาย ห้ามนำเข้า ห้ามลักลอบซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นมาตรการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันเด็กและเยาวชนจากการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้า 2.เข้มงวดกับการบังคับใช้กฎหมายทุกระดับ จับกุมการขายในทุกรูปแบบรวมทั้งการขายออนไลน์ และระงับการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า 3.เผยแพร่ความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับพิษภัยของบุหรี่ไฟฟ้าแก่เด็กและเยาวชนโดยเร็วที่สุด 4.ผู้ปกครองและครูอาจารย์ สอดส่องดูแลบุตรหลาน นักเรียน และนิสิตนักศึกษา เพื่อตักเตือนถึงโทษภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า รวมถึงเป็นตัวอย่างที่ดีโดยการไม่สูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้า 5.เข้มงวดกับมาตรการสถานศึกษาปลอดบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เฝ้าระวังการเข้าถึง และการใช้บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กและเยาวชน