ผู้เข้าสอบ 12 รายฟ้องสภาการแพทย์แผนไทยและพวก จัดสอบเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นางสาวณฐิมา แจ้งแสงทอง กับพวกรวมสิบสองคน ได้ยื่นฟ้อง สภาการแพทย์แผนไทย คณะกรรมการ สภาการแพทย์แผนไทย และนายกสภาการแพทย์แผนไทย เป็นผู้ถูกฟ้องคดี จากการจัดสอบเพื่อขึ้นทะเบียนเป็นผู้ ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามได้จัดสอบขึ้น ประจําปี ๒๕๖๖ โดยได้รับความเสียหาย จากกรณีที่ไม่มีรายชื่อผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสองเป็นผู้ผ่านการสอบความรู้ โดยมีประเด็นสําคัญดังนี้
๑. ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ได้ออกคําสั่งสภาการแพทย์แผนไทยที่ ๑/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้งคณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยตามมาตรา ๑๒ (๒) ที่สภา การแพทย์แผนไทยให้การรับรอง แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ส่วนกลางและส่วน ภูมิภาค ประจําปีพ.ศ. ๒๕๖๖ ทําการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผน ไทย ตามมาตรา ๑๒ (๒) เพื่อทําหน้าที่จัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย และวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ประยุกต์ โดยไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ มาตรา ๒๖ และมาตรา ๒๗ และ ข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย เนื่องจากอํานาจในการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยเป็นของ คณะอนุกรรมการการประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๒๖ และคณะอนุกรรมการการประกอบ วิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ ตามมาตรา ๒๗
๒. ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามทําการออกประกาศสภาการแพทย์แผนไทยที่เกี่ยวข้องกับ การสอบวัดความรู้ ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ของผู้ประสงค์จะประกอบวิชาชีพการแพทย์แผน ไทยและวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ประยุกต์โดยไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผน ไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ และข้อบังคับของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง สาม โดยผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ได้ออกประกาศสภาการแพทย์แผนไทยที่ ๓๔/๒๕๖๖ เรื่องการปฏิบัติตนในการสอบ ความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๑๒ (๒) แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผน ไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ (ฉบับที่ ๒) ได้ออกประกาศโดยเน้นย้ําการปฏิบัติตนในการสอบความรู้ในวิชาชีพ การแพทย์แผนไทย ตาม ประกาศคณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผน ไทย ตามมาตรา ๑๒ (๒) ฉบับที่ ๒๔/๒๕๖๖ เรื่อง วัน เวลา สถานที่ และระเบียบปฏิบัติในการสอบ ความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตาม มาตรา ๑๒ แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๖ โดยที่การ ออกประกาศดังกล่าวไม่สามารถทําได้เนื่องจาก คณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์ แผนไทย ตามมาตรา ๑๒ (๒) ไม่มี อํานาจในการจัดสอบ การประกาศของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงไม่ชอบด้วยอํานาจ หน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามตามพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ และข้อบังคับคือ ข้อบังคับสภา การแพทย์แผนไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยของผู้ที่ได้รับปริญญาหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่าปริญญาสาขาการแพทย์แผนไทยจาก สถาบันการศึกษาที่ สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง พ.ศ. ๒๕๖๒ และข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย ว่าด้วยหลักเกณฑ์วิธีการ และ เงื่อนไขในการสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยของผู้ที่ได้รับ ปริญญาหรือประกาศนียบัตรเทียบเท่า ปริญญาสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์จากสถาบันการศึกษา ที่สภาการแพทย์แผนไทยรับรอง พ.ศ. ๒๕๕๗
๓. คณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทยตาม มาตรา ๑๒ (๒) ซึ่ง ผู้ถูกฟ้องคดีที่๑ แต่งตั้งตามคําสั่งสภาการแพทย์แผนไทย ที่ ๑/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์๒๕๖๖ ทําการออก ประกาศคณะอนุกรรมการอํานวยการสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๑๒ (๒) ฉบับที่ ๒๔/ ๒๕๖๖ เรื่อง วัน เวลา สถานที่และระเบียบ ปฏิบัติในการสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย โดยไม่ชอบด้วย พระราชบัญญัติวิชาชีพ การแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ และข้อบังคับของสภาการแพทย์แผนไทย
๔. คณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๑๒(๒) ไม่ ตรวจกระดาษคําตอบของผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสอง และผู้เข้าสอบอีกจํานวนมาก โดยอ้างว่าเป็นการดําเนินการตาม ประกาศ คณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๑๒(๒) ฉบับที่ ๒๔/ ๒๕๖๖ ลงวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๖๖ เรื่อง วัน เวลา สถานที่และระเบียบปฏิบัติใน การสอบความรู้ในวิชาชีพ การแพทย์แผนไทยตามมาตรา๑๒(๒)แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผนไทยพ.ศ.๒๕๕๖ซึ่งเปน็การ กระทําที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ข้อบังคับ และระเบียบของ สภาการแพทย์แผนไทย ซึ่งในประเด็นนี้ แนวปฏิบัตใิ น การตรวจกระดาษคําตอบและประมวลผลการสอบวัดความรู้นี้ ศาลปกครองสูงสุดได้เคยวินิจฉัยในประเด็นสําคัญ ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับข้อพิพาทในคดีนี้ไว้ตามคําพิพากษาศาลปกครองสงูสดุคดีหมายเลขดําที่อ.๑๐๐๗/๒๕๕๓ คดี หมายเลขแดงที่อ. ๕๔๑/๒๕๕๖ ระหว่างนายธีระ เงินแก้ว ผู้ฟ้องคดีกับพวกรวม ๓ คน กับเลขาธิการ คณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ถูกฟ้องคดี โดยแนวปฏิบัติในการดําเนินการสอบ มีหลักการสําคัญให้ กรรมการกํากับหอ้งสอบมีหน้าที่ในการตรวจสอบการลงรหัสวิชาและรหสัประจําตัวสอบของผู้เข้าสอบเพื่อป้องกนั การทุจริตในการสอบ และกรรมการกํากับห้องสอบต้องตรวจ การระบายรหัสประจําตัวสอบของผู้เข้าสอบด้วย ความผิดพลาดจึงเป็นความผิดพลาดของกรรมการ กํากับห้องสอบของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามด้วย ไม่ใช่ความผิดพลาด ของผู้เข้าสอบแต่เพียงฝ่ายเดียว ดังนั้น การไม่ตรวจกระดาษคําตอบของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามจึงเป็นเรื่องที่ผู้ถูกฟ้อง คดีทั้งสามมีส่วนในความผิดพลาดที่เกิดขึ้นด้วย การใช้ดุลพินิจไม่ตรวจกระดาษคําตอบของคณะอนุกรรมการ อํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์ตามมาตรา ๑๒ (๒) จึงเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ได้สัดส่วนและ มาตรฐานในการจัดสอบตามหลักความได้สัดส่วน
๕. การกําหนดค่าธรรมเนียมในการอุทธรณ์ผลการสอบตามประกาศคณะอนุกรรมการอํานวยการสอบ ความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตามมาตรา ๑๒ (๒) และ ข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย ว่าด้วยค่าจด ทะเบียนสมาชิก ค่าบํารุง และค่าธรรมเนียมอื่นใน วิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ ขัดและแย้งกับ พระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทาง ปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ มาตรา ๓๐ และมาตรา ๓๑ กฎกระทรวง ฉบับที่ ๒ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออก ตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และกฎกระทรวง ฉบับที่ ๓ (พ.ศ. ๒๕๔๐) ออกตามความในพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. ๒๕๓๙ และแนว ความเห็นเกี่ยวกับการจัดเก็บค่าธรรมเนียมในลักษณะภาษี ซึ่งคณะกรรมการ กฤษฎีกา (กรรมการร่างกฎหมาย คณะที่ ๗) เคยมีความเห็นในเรื่อง การกําหนดค่าธรรมเนียมตาม พระราชบัญญัติการเดินอากาศ พ.ศ. ๒๔๙๗ (การ กําหนดอัตราค่าธรรมเนียมโดยไม่กําหนดไว้ใน พระราชบัญญัติจะกระทําได้หรือไม่) เรื่องเสร็จที่ ๔๖๓/๒๕๒๔
ผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสองได้มีคําขอต่อศาลปกครองกลาง ดังนี้
๑) เพิกถอนคําสั่งสภาการแพทย์แผนไทยที่ ๑/๒๕๖๖ ลงวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ เรื่อง แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบความรู้ในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ตาม มาตรา ๑๒ (๒) ที่สภาการแพทย์ แผนไทยให้การรับรอง แห่งพระราชบัญญัติวิชาชีพการแพทย์แผน ไทย พ.ศ. ๒๕๕๖ ส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประจําปีพ.ศ. ๒๕๖๖
๒) เพิกถอนประกาศคณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบในความรู้วิชาชีพ การแพทย์แผนไทยทุกฉบับ
๓) เพิกถอนประกาศคณะอนุกรรมการอํานวยการจัดสอบในความรู้วิชาชีพ การแพทย์แผนไทย ทุกฉบับ โดยขอให้คุ้มครองผลการสอบความรู้ของผู้เข้าสอบความรู้การแพทย์แผน ไทยของผู้เข้าสอบที่ประสงค์จะ ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ประยุกต์ผู้สุจริตทุกคน
๔)มีคําสั่งให้สภาวิชาชีพการแพทย์แผนไทยตรวจกระดาษคําตอบในรายวิชาของผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสอง และนําคะแนนมารวมกับวิชาอื่นที่ผู้ฟ้องคดีทั้งสิบสองสมัครสอบ
๕) ให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามดําเนินการจัดสอบใหม่ให้ถูกต้องโดยให้ คณะอนุกรรมการการ ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและคณะอนุกรรมการการประกอบวิชาชีพ การแพทย์แผนไทยประยุกต์เป็นผู้ดําเนินการจัดสอบใหม่ ในปีพ.ศ. ๒๕๖๖ ตามข้อบังคับสภา การแพทย์แผนไทยที่เกี่ยวข้อง
๖) เพิกถอนข้อบังคับสภาการแพทย์แผนไทย ว่าด้วยค่าจดทะเบียนสมาชิก ค่า บํารุง และ ค่าธรรมเนียมอื่นในวิชาชีพการแพทย์แผนไทย พ.ศ. ๒๕๖๒ในส่วนที่เป็นการเรียกเก็บ ค่าธรรมเนียมในลักษณะ ภาษีคือ ค่าธรรมเนียมในการยื่นคําอุทธรณ์และค่าธรรมเนียมในการตรวจ เอกสารการสอบ