นักเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ที่ป่วยอาหารเป็นพิษ พ้นขีดอันตรายทั้งหมด กทม.เร่งทบทวนเมนูอาหารให้เหมาะสมกับนักเรียน
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวในกิจกรรมผู้ว่าฯ สัญจร เขตลาดพร้าว ร่วมกับนายศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กรณีนักเรียนโรงเรียนไทยนิยมสงเคราะห์ เขตบางเขน ที่ป่วยอาหารเป็นพิษวานนี้ ว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญมากที่กทม.ต้องรับผิดชอบ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคุณภาพชีวิตของเด็กๆ เรื่องนี้ต้องไม่เกิดขึ้นอีก ต้องเอาจริงเอาจังมากขึ้น เช่น เมนูอาหารเด็กควรไม่มีเครื่องใน เนื่องจากเด็กบางคนก็ไม่กิน รวมถึงเรื่องการทำความสะอาดเนื่องจากเครื่องในทำความสะอาดยาก ควรเปลี่ยนเป็นเมนู หมู ไก่ หรือไข่ ซึ่งเป็นบทเรียนที่กทม.ต้องนำไปปรับปรุงให้ดีขึ้น
รองผู้ว่าฯ ศานนท์ กล่าวเสริมว่า วานนี้นักเรียนที่มีอาการประมาณ 40 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรก 35 คนไปที่โรงพยาบาลภูมิพล อีก 5 คนไปที่โรงพยาบาลเปาโล ซึ่งทั้งหมดหายดีและได้ส่งกลับบ้านแล้ว เหลือแค่ 8 คนที่เสียน้ำมากและแพทย์ได้แนะนำให้ admit โดยส่วนนี้ผู้บริหารกทม. ผอ.เขต ผอ.โรงเรียน ได้เข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด และเมื่อวานนี้แพทย์แจ้งว่าทุกคนพ้นขีดอันตรายทั้งหมด แต่อาจจะต้องให้น้ำเกลือในวันนี้เหลือแค่คนเดียว ขั้นตอนจากนี้ไปเป็นการรอผลตรวจจากห้องแลป โดยเบื้องต้นสันนิฐานว่าน่าจะเกิดจากก๋วยจั๊บน้ำข้น ซึ่งมีเครื่องในต่างๆ จึงต้องรอผลตรวจเพื่อยืนยันและจะแจ้งผลให้ทราบต่อไป
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวตอนท้ายว่า ในส่วนของห้องเรียนอนุบาล การดำเนินการก็เป็นไปตามกระบวนการระบอบประชาธิปไตย ซึ่งบางส่วนอาจจะเป็นความผิดพลาดของกทมเอง แต่กทม.มีความมั่นใจว่าในอนาคตห้องเรียนของเด็กอนุบาลควรจะติดเครื่องปรับอากาศ และระบบป้องกันฝุ่น PM2.5 โดยอาจจะเริ่มจากการทำ CSR ของเอกชนที่ลงทุนทดลองทำ แล้วเก็บข้อมูลเรื่องค่าไฟให้ละเอียดรอบคอบ แก้ไขปัญหาให้ตรงจุดตรงประเด็น และทำตามระเบียบให้ถูกต้อง เพื่อดำเนินการเพิ่มเติมในอนาคต เพื่อประโยชน์ของเด็กทุกคนที่เราต้องมองไปในอนาคตมากกว่า