สปสช.ย้ำสายด่วนสุขภาพจิต 1323 อยู่ในสิทธิประโยชน์ แนะผู้มีปัญหาสุขภาพจิต เครียด ซึมเศร้า โทรรับคำปรึกษา รับการประเมิสน คัดกรองอาการ เข้าสู่การรักษาและติดตาม ให้บริการทุกสิทธิ ไม่มีค่าใช้จ่าย
เมื่อวันที่ 10 ก.ย. นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า วันป้องกันการฆ่าตัวตายโลก ตรงกับวันที่ 10 ก.ย.ของทุกปี ซึ่งปัญหาการฆ่าตัวตายยังเป็นปัญหาด้านสาธารณสุขของไทย จากข้อมูลกรมสุขภาพจิต พบว่า ตั้งแต่ปี 2562 อัตราการฆ่าตัวตายสำเร็จของไทยสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2565 มีอัตราสูงที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา อยู่ที่ 7.97 ต่อ 1 แสนประชากร เพิ่มขึ้นชัดเจนจากปี 2564 ซึ่งอยู่ที่ 7.38 ต่อ 1 แสนประชากร ส่วนสาเหตุของการฆ่าตัวตาย อันดับหนึ่งเกิดจากปัญหาด้านความสัมพันธ์ มีสัดส่วนถึงร้อยละ 50 รองลงมาเป็นปัญหาทางสุขภาพกายและภาวะเจ็บป่วย ร้อยละ 20-30 นอกจากนี้ ยังมีปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัญหาด้านเศรษฐกิจ ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากทั้งต่อครอบครัว สังคม และประเทศ ที่ผ่านมาทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีมาตรการช่วยเหลือเพื่อนำไปสู่การป้องกันการฆ่าตัวตายในผู้ที่มีภาวะเสี่ยง
ในส่วนของ สปสช. นอกจากสิทธิประโยชน์การรักษาพยาบาลทางกายแล้ว ในสิทธิบัตรทองยังมีสิทธิประโยชน์ดูแลในด้านจิตใจด้วย โดยร่วมกับกรมสุขภาพจิตดูแลประชาชนทุกสิทธิที่มีภาวะเสี่ยงให้เข้าถึงบริการ “สายด่วน สุขภาพจิต 1323” ผ่านทางโทรศัพท์ โดยเพิ่มเป็นสิทธิประโยชน์บริการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ่งให้บริการโดยสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต ซึ่งเป็นหน่วยบริการในระบบบัตรทองที่มีศักยภาพการบริการคำปรึกษาด้านสุขภาพจิตทางโทรศัพท์ตามมาตรฐานที่กรมสุขภาพจิตกำหนด ซึ่งจะให้คำปรึกษาด้านสุขภาพจิตทางโทรศัพท์ตลอด 24 ชั่วโมง
“การฆ่าตัวตายเป็นปัญหาที่ทุกคนต้องช่วยกันป้องกัน ซึ่งผู้มีปัญหาสุขภาพจิต ผู้ที่มีความเครียด หรืออยู่ในภาวะซึมเศร้า นอกจากดูแลโดยคนในครอบครัวและคนรอบข้างแล้ว อยากให้ใช้ช่องทางสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เพื่อรับคำปรึกษา บริการครอบคลุมทั้งประเมินอาการและความรุนแรง ให้คำปรึกษา ประสานส่งต่อรักษา และติดตามอาการหลังให้บริการ โดยมีนักจิตวิทยาหรือผู้ที่ได้ผ่านการฝึกอบรมตามมาตรฐานการประกอบวิชาชีพตามมาตรฐานการให้บริการของกรมสุขภาพจิต เป็นผู้ให้คำปรึกษา” เลขาธิการ สปสช. กล่าว