หมอเตือนพ่อแม่ระวัง "ลูก" ป่วยโรคติดต่อหน้าฝน ทั้งหวัด หวัดใหญ่ RSV มือเท้าปาก และไข้เลือดออก เผยอาการเบื้องต้นแต่ละโรค ย้ำสวมหน้ากาก ล้างมือ ออกกำลังกาย ช่วยลดเสี่ยง
เมื่อวันที่ 8 ก.ย. นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า โรคที่พบบ่อยในช่วงฤดูฝน ส่วนมากมักเป็นโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) ทำให้มีหลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบติดเชื้อหรือปอดบวม รวมถึงโรคมือเท้าปาก และโรคไข้เลือดออกที่มีการระบาดในช่วงหน้าฝนเช่นกัน สาเหตุการติดเชื้อมาจากการสูดหายใจเอาละอองหรือสัมผัสสารคัดหลั่งที่มีเชื้อโรคเกาะอยู่ เช่น น้ำมูก หรือน้ำลาย อาการของโรคไข้หวัดใหญ่ ได้แก่ ไข้สูง ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และอ่อนเพลีย ส่วนไข้ไวรัสอาร์เอสวี (RSV) มักจะมีอาการไอ น้ำมูกไหล คัดจมูก รับประทานอาหารได้น้อย หลังจากนั้น 1-3 วัน อาจมีอาการไอมากขึ้น ไข้ หายใจเสียงดังหรือหายใจลำบากได้หากอาการรุนแรงมากขึ้น
สำหรับโรคมือเท้าปากนั้นมีสาเหตุจากการติดเชื้อเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ผ่านการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ป่วย โดยมีอาการเด่นที่ผิวหนังคือ มีตุ่มนูน แดง หรือเป็นตุ่มน้ำใส พบมากบริเวณฝ่ามือ ฝ่าเท้า และในช่องปาก ในผู้ป่วยบางรายอาจพบการกระจายของตุ่มผื่นทั่วตัวได้รวมถึงที่เข่าและก้น เด็กมักมีไข้สูง ไม่ยอมรับประทานอาหาร เพราะรู้สึกเจ็บตุ่มแผลในช่องปากหรือกระพุ้งแก้ม ในส่วนของโรคไข้เลือดออกนั้น มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสเดงกี ซึ่งมียุงลายเป็นพาหะนำโรค เด็กมักมีอาการไข้สูงนำมาก่อนอาการอื่น มักไม่พบอาการไอน้ำมูก อาจพบหน้าแดงตัวแดงผิดปกติ และอาจพบอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารได้ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ถ่ายเหลว ปวดท้องที่ชายโครงขวา เป็นต้น
นพ.อัครฐาน จิตนุยานนท์ ผอ.สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวว่า การป้องกันโรคที่มาในหน้าฝนนั้น ให้ผู้ปกครองดูแลลูกหลานโดยสวมหน้ากากอนามัย และล้างมือสม่ำเสมอครบถ้วนตาม 7 ขั้นตอน ควรสวมเสื้อผ้าเพื่อรักษาร่างกายให้อบอุ่น และออกกำลังกายที่เหมาะสมตามวัยเพื่อให้ร่างกายลูกมีภูมิต้านทานโรค เนื่องจากสภาพอากาศหน้าฝนจะมีความชื้นสูงและหนาวเย็น จึงทำให้ร่างกายเด็กที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ มีโอกาสเสี่ยงติดเชื้อโรคระบบทางเดินหายใจได้ง่าย และที่สำคัญควรกำจัดน้ำขังในบ้าน ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของลูกน้ำยุงลาย อันเป็นพาหะนำโรคของไข้เลือดออกอีกด้วย ทั้งนี้ผู้ปกครองควรเฝ้าระวังและสังเกตอาการของบุตรหลาน หากพบว่าไข้สูง 2 ถึง 3 วัน และอาการไม่ดีขึ้น หรือเด็กไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข เช่น กินไม่ได้ ซึมลง นอนไม่ได้ หายใจหอบเหนื่อย หรือกระสับกระส่าย ควรพาไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาต่อไป