ปลัด สธ.สั่งสาธารณสุขอำภอ ดีไซน์ระบบบริการสุขภาพปฐมภูมิ ให้เหมาะสม หลังมีการถ่ายโอน รพ.สต.ไปยังท้องถิ่น เน้นตอบรับประชาชนและชุมชน สร้างการมีส่วนร่วม นำเทคโนโลยีมาใช้ครอบคลุมประชากร ทั้งสังคมเมือง กึ่งเมือง และพื้นที่พิเศษ ตามบริบทพื้นที่
เมื่อวันที่ 7 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ) กล่าวระหว่างเปิดการประชุมวิชาการสมาคมสาธารณสุขแห่งประเทศไทย 2566 “ก้าวสู่ระบบสุขภาพปฐมภูมิที่มีคุณภาพ ภายใต้รูปแบบใหม่ระบบสุขภาพระดับอำเภอ” ว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาระบบบริการสุขภาพมาอย่างต่อเนื่อง มีสถานพยาบาลครอบคลุมทุกพื้นที่ โดยระดับชุมชน มี อสม. รพ.สต.ดูแล ระดับอำเภอ มี รพ.ชุมชน และระดับจังหวัดมี รพ.ศูนย์/รพ.ทั่วไป ประสานการดูแลสุขภาพประชาชนเป็นเครือข่าย อย่างไรก็ตาม ระบบสาธารณสุขโดยเฉพาะระบบสุขภาพปฐมภูมิ ต้องมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของสังคมและวัฒนธรรม หัวใจสำคัญของระบบสุขภาพคือประชาชนและชุมชน ต้องสร้างการมีส่วนร่วมและนำเทคโนโลยีมาใช้ในการจัดระบบบริการให้ครอบคลุมประชากร ทั้งกลุ่มสังคมเมือง กึ่งเมือง และพื้นที่พิเศษ สอดคล้องตามบริบททางสุขภาพของแต่ละพื้นที่ อาทิ การป่วยจากกลุ่มโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) การดูแลผู้ป่วยติดเตียง การเป็นสังคมสูงอายุ เป็นต้น
นพ.โอภาสกล่าวว่า ส่วนการดำเนินงานในระยะต่อไป จะมุ่งยกระดับบริการให้กับประชาชน ตามแนวนโยบายของรัฐบาล โดยสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทในการควบคุมกำกับ ติดตามดูแลกฎหมาย และออกแบบระบบบริการสุขภาพของสถานบริการระดับปฐมภูมิ ต้องมีการปรับโครงสร้างให้เหมาะสมกับบริบทที่เปลี่ยนไป หลังมีการถ่ายโอนสถานีอนามัยเฉลิมพระเกียรติฯ (สอน.) และ รพ.สต.ไปยังองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งการประชุมวิชาการในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้บุคลากรสาธารณสุขในหน่วยบริการปฐมภูมิได้เห็นแนวโน้มของปัญหา
ระดับพื้นที่ชัดเจนขึ้น และนำความรู้ที่ได้ไปพัฒนางานให้เกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ยิ่งขึ้น