xs
xsm
sm
md
lg

เตือน "ฟันปลอม" หลวมหลุดง่าย อย่าปล่อยไว้ เสี่ยงปิดกั้นหายใจจนดับ แนะพบทันตแพทย์ทุก 3-6 เดือน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ทันตแพทย์เตือน "ฟันปลอม" หลวม หลุดง่าย อย่าปล่อยทิ้งไว้ เสี่ยงหลุดเข้าทางเดินอาหาร จนเกิดแผล หรือหลุดเข้าหลอดลม ปิดกั้นทางเดินหายใจถึงเสียชีวิต แนะรักษาฟันเทียม อย่าเคี้ยวของแข็งหรือเหนียวเกินไป พบทันตแพทย์เพื่อปรเมินทุก 3-6 เดือน เพื่อตรวจเช็กสภาพ

เมื่อวันที่ 5 ก.ย. นพ.ไพโรจน์ สุรัตนวนิช รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ปัจจุบันมักพบรายงานข่าวผู้สูงอายุที่ใส่ฟันเทียม ซึ่งใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน เกิดหลวมหลุด และเผลอกลืนฟันเทียมลงไปติดค้างที่หลอดอาหาร ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างมาก เพราะหากชิ้นส่วนของฟันเทียมหลุดลงไปในช่องท้อง เพราะอาจทำให้เกิดแผลในทางเดินอาหารได้ นอกจากนี้ หากฟันเทียมหลุดลงไปยังระบบทางเดินหายใจ เช่น หลอดลม อาจไปปิดกั้นทางเดินหายใจเป็นอันตรายต่อชีวิตได้ ดังนั้นควรหมั่นตรวจสอบฟันเทียมของตนเองอยู่เสมอ หากฟันเทียมชำรุด ขยับ แตก หัก หลวมหรือหลุดง่าย ไม่ควรใช้งานต่อหรือปล่อยทิ้งไว้ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำการแก้ไขทันที

ทพญ.สุมนา โพธิ์ศรีทอง ผอ.สถาบันทันตกรรม กล่าวว่า การใส่ฟันเทียมเพื่อทดแทนการสูญเสียฟันธรรมชาติที่หายไป จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวอาหารและช่วยสร้างความมั่นใจ ซึ่งฟันเทียมแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ ฟันเทียมชนิดติดแน่น เช่น ครอบฟัน สะพานฟัน หรือรากฟันเทียม และฟันเทียมชนิดถอดได้ มีทั้งชนิดฐานอะคริลิกและฐานโลหะ ซึ่งการใส่ฟันเทียมสามารถใส่ทดแทนฟันบางส่วนหรือทดแทนฟันทั้งปาก การใส่ฟันเทียมทุกชนิดควรทำโดยทันตแพทย์ผู้มีความชำนาญ ในกรณีของฟันเทียมชนิดถอดได้นั้น จะมีขั้นตอนในการทำหลายขั้นตอน เพื่อให้เกิดเสถียรภาพและการยึดอยู่ที่ดีของฟันเทียม เพื่อให้สามารถใช้ฟันเทียมได้ดี

ทพ.อุกฤษฏ์ ศรีสรฉัตร์ ทันตแพทย์ชำนาญการด้านทันตกรรม สถาบันทันตกรรม กล่าวถึงการใช้งานฟันเทียมชนิดถอดได้ ว่า ควรใช้อย่างระมัดระวัง ไม่ควรเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียวจนเกินไป เพราะอาจทำให้ฟันเทียมชำรุดเสียหายได้ อีกทั้งเมื่อใช้ฟันเทียมในระยะเวลาหนึ่ง ประมาณ 1-5 ปี ขึ้นอยู่กับชนิดของวัสดุที่ใช้ทำฟันเทียม ฟันเทียมอาจหลวมเนื่องจากกระดูกใต้ฐานฟันเทียมมีการละลายตัวเพิ่มขึ้น หรือมีการแตกหักของฐานฟันเทียม ตะขอหักหรือตะขออ้า ไม่รัดแน่นเหมือนเดิม ทำให้ฟันเทียมหลวมและขยับ เมื่อใช้งานอาจมีอาการเจ็บบริเวณเหงือกหรือฟัน จึงควรพบทันตแพทย์เป็นประจำเพื่อทำการตรวจเช็กสภาพฟันเทียม เพื่อป้องกันไม่ให้ฟันเทียมหลวมหลุดหรือกระดก โดยบางรายต้องเสริมฐานฟันเทียมหรือปรับตะขอให้แน่นขึ้น หรืออาจจำเป็นต้องทำฟันเทียมใหม่

นอกจากนี้ ควรทำความสะอาดฟันเทียมทุกครั้งหลังรับประทานอาหาร โดยใช้แปรงสีฟันขนนุ่มร่วมกับสบู่ และก่อนนอนควรถอดฟันเทียมออกทำความสะอาดแล้วแช่น้ำสะอาด ซึ่งการใส่ฟันเทียมในกรณีที่ยังมีฟันเหลืออยู่ในช่องปาก ยังคงมีความเสี่ยงที่จะเกิดฟันผุและเหงือกอักเสบได้ หากไม่ดูแลรักษาความสะอาดฟันและฟันเทียม โดยควรพบทันตแพทย์ ทุก 3-6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพช่องปาก และตรวจเช็กฟันเทียมว่ายังอยู่ในสภาพที่ดีหรือไม่ รวมถึงรับคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลช่องปากและแก้ไขฟันเทียมอย่างถูกวิธี


กำลังโหลดความคิดเห็น