ปลัด สธ. เผยติดตั้งโซลาร์เซลล์แล้ว 508 แห่ง รวม 47,053 กิโลวัตต์ ประหยัดค่าไฟ 243 ล้านบาทต่อปี ลุยนโยบาย SECA ปี 67 เดินหน้าติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้ครบ 1,855 แห่ง ลดใช้พลังงานลง 20% เริ่มใช้รถพลังงานไฟฟ้า ปรับปรุงอาคารเป็นแบบอนุรักษ์พลังงาน เพิ่มพื้นที่สีเขียว 25% ของพื้นที่ว่าง เน้นการแพทย์ทางไกล ลดจำนวนผู้ป่วยนอก เพิ่มประสิทธิภาพจัดการน้ำเสียขยะมูลฝอย
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือ โซลาร์เซลล์ ว่า สธ.ได้ประกาศนโยบาย Smart Energy and Climate Action (SECA) : พลังงานอัจฉริยะและการดำเนินการที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัด สธ.มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศอันเป็นสาเหตุของโลกร้อน โดยปี 2566 กำหนดให้ทุกหน่วยงานในสังกัดสำนักงานปลัด สธ. ทั้งหน่วยงานบริหาร คือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) และหน่วยบริการ คือ รพ.ศูนย์ รพ.ทั่วไป และ รพ.ชุมชน รวม 1,855 แห่ง ติดตั้งโซลาร์เซลล์ให้แล้วเสร็จ ประมาณการว่าจะประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 904,353,667.20 บาท/ปี ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 99,458.49 tonCo2/ปี จนถึงขณะนี้มีหน่วยงานดำเนินการเรื่องโซลาร์เซลล์แล้ว 1,261 แห่ง ครอบคลุม 75 จังหวัด ยังเหลืออีก 1 จังหวัด ในจำนวนนี้ ติดตั้งสำเร็จแล้ว 508 แห่ง กำลังผลิตรวม 47,053 กิโลวัตต์ สามารถประหยัดค่าไฟฟ้าได้ 243,462,221.16 บาท/ปี และลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 26,775.35 tonCo2/ปี
นพ.โอภาสกล่าวว่า สำหรับแผนการขับเคลื่อนในปี 2567 กองบริหารการสาธารณสุข สำนักงานปลัด สธ. ได้จัดทำข้อเสนอเชิงนโยบาย ดังนี้ 1.การติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ให้ครบทุกแห่งตามแผนงานที่กำหนด โดย รพ.ศูนย์ขนาด 1,000 กิโลวัตต์ รพ.ทั่วไป 500 กิโลวัตต์ รพ.ชุมชนและ สสจ. 100 กิโลวัตต์ และสสอ. 10 กิโลวัตต์ ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 124,093.80 tonCO2/ปี 2.ทุกหน่วยงานมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานลงร้อยละ 20 3.เริ่มมีการใช้ยานพาหนะพลังงานไฟฟ้าทดแทนของเดิมและสถานีชาร์จไฟฟ้า ด้วยเงินนอกงบประมาณ / เงินบำรุง / เงินบริจาค โดยตั้งเป้าหมายให้มีการใช้ทุกแห่งใน 10 ปี
4.อาคารอนุรักษ์พลังงาน โดยปรับปรุงอาคารเดิมตามหลักเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทยสำหรับอาคารระหว่างใช้งาน ส่วนการออกแบบอาคารใหม่ ให้จัดทำแบบหรือคัดเลือกแบบตามความต้องการใช้งาน โดยใช้หลักเกณฑ์การประเมินความยั่งยืนทางพลังงานและสิ่งแวดล้อมไทยสำหรับก่อสร้างใหม่ ขณะที่ Master Plan โรงพยาบาล ให้ทบทวนปรับปรุงแบบ โดยเพิ่มพื้นที่สีเขียวภายในตัวอาคารหรือภายนอกอาคาร 5.การเพิ่มพื้นที่สีเขียวร้อยละ 25 ของพื้นที่ว่าง ภายใต้แนวคิดการจัดสวนเพื่อการเยียวยา/บำบัดรักษา และการจัดสวนทั่วไป 6.เพิ่มศักยภาพการให้บริการ ลดการเดินทางและเพิ่มขีดความสามารถบริการใกล้บ้าน โดยจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยผ่านระบบการแพทย์ทางไกลในกลุ่มโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ โรคไม่ติดต่อเรื้อรังที่คุมอาการได้ รวมถึงปัญหาทางจิตเวช ตั้งเป้าหมายลดจำนวนผู้ป่วยนอกของ รพ.ศูนย์ / รพ.ทั่วไป ลงร้อยละ 10 หรือ 1.6 ล้านครั้งต่อปี และ 7.การจัดการมูลฝอยและน้ำเสียด้วยหลัก 3R : Reduce Reuse Recycle โดยบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อนำน้ำที่ผ่านการบำบัดมาใช้ประโยชน์ และลดปริมาณขยะมูลฝอยได้ร้อยละ 30
"สธ.จะรณรงค์ขับเคลื่อนนโยบาย SECA ไปสู่การปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง โดยจะตั้งคณะกรรมการ/คณะทำงานติดตามกำกับและขับเคลื่อนการดำเนินงานทั้งส่วนกลางและระดับพื้นที่ และคัดเลือกหน่วยงานที่มีผลงานดีเด่นระดับจังหวัด ระดับเขตสุขภาพ และระดับประเทศ เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีให้กับหน่วยงานอื่นๆ ได้นำไปขยายผลต่อไป" นพ.โอภาสกล่าว