ภาคประชาสังคมชี้ เคสพ่อติดพนันทำร้ายลูก 6 ขวบกว่า 20 ครั้ง ย้ำต้องมองเป็นสิ่งเสพติด ต้องรีบเลิก หักดิบ หาตัวช่วยหยุดเล่นให้ได้ และแยกเด็กออกห่าง เหตุผู้ติดพนันไม่มีความเข้มแข็งในใจเลิกด้วยตนเอง สสส.ชี้สัญญาณน่าเป็นห่วง นักพนัน 1 คนส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัว-คนใกล้ชิด 10-17 คน
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดพนัน สนับสนุนโดย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวถึงกรณีพ่อทำร้ายลูกชายวัย 6 ขวบ โดยรับสารภาพติดพนันออนไลน์อย่างหนัก หาเงินไม่ได้เกิดอาการหงุดหงิดจึงทำร้ายลูก ว่า อยากให้ทุกฝ่ายตระหนักว่าพนันเป็นสิ่งเสพติด การติดพนันเป็นโรคทางจิตเวชอย่างหนึ่ง ยิ่งเล่นพนันออนไลน์ยิ่งมีโอกาสติดสูงมาก จากกรณีนี้ผู้กระทำผิดยอมรับว่าติดพนันออนไลน์มาถึง 3 ปี น่าจะมีอาการมากพอสมควร ผลจากการเสพติดพนัน เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ ห้ามตัวเองไม่อยู่ ต้องเล่นพนัน และจะทุ่มเงิน ทุ่มเวลา ทุ่มชีวิตทั้งหมดลงไปกับการพนัน เบื้องต้นนักพนันมักจะมีการโกหกปกปิดความจริงกับคนใกล้ตัว จากนั้นเมื่อมีปัญหาการเงินก็จะเริ่มเบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งแน่นอนว่าคนในบ้านคือแหล่งที่ใกล้ตัวที่สุด ถึงจุดนี้จะมีปัญหาสัมพันธภาพตามมา การมีปากเสียง ทะเลาะเบาะแว้ง และการทำร้ายร่างกาย ยิ่งในบ้านที่มีเด็กยิ่งมีโอกาสสูงที่ผู้ติดพนันจะกระทำความรุนแรงกับเด็ก
“เมื่อรู้ว่าติดพนันต้องรีบเลิก ต้องหักดิบ หาทางหยุดเล่นให้ได้ทันทีโดยไม่มีข้อแม้ และต้องหาความช่วยเหลือ เพราะผู้ติดพนันไม่มีความเข้มแข็งภายในใจที่มากพอจะเลิกด้วยตัวเองได้ ถ้าครอบครัวมีความพร้อม ครอบครัวจะเป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุด เพราะเขาต้องการความเข้าใจและต้องการความไว้วางใจ แต่ถ้าครอบครัวไม่พร้อมก็จำเป็นต้องหาตัวช่วยจากภายนอก เช่น พาไปโรงพยาบาลที่มีแผนกจิตเวช หรือโทรหาสายด่วนสุขภาพจิต 1323 เป็นต้น การติดพนันนำความทุกข์มาสู่ครอบครัวอย่างมาก เลิกได้แต่ก็ต้องใช้เวลา ขณะที่ผู้ช่วยเหลือต้องมีความอดทนอย่างสูง หากในบ้านมีเด็กต้องแยกเด็กให้ห่างจากผู้ติดพนัน” นายธนากรกล่าว
นางก่องกาญจน์ ทักษ์หิรัญฤทธิ์ รักษาการ ผอ.สำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า ที่ผ่านมาสสส.สนับสนุนให้ศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทำการสำรวจสถานการณ์พนันในสังคมไทยทั่วประเทศทุก ๆ 2 ปี ผลการสำรวจครั้งล่าสุดปี 2564 พบสัญญาณการติดพนันในสังคมที่น่ากังวล 1ใน 5 ของผู้เล่นพนัน หรือประมาณ 6.6 ล้านคนประเมินว่าตนเองติดพนัน สอดคล้องกับการประเมินด้วยแบบทดสอบทางสุขภาพจิตพบว่า มากกว่า 3.5 ล้านคนอยู่ในภาวะเสี่ยงจะเป็นผู้มีปัญหาจากการพนัน นักพนัน 1 คนส่งผลกระทบต่อคนในครอบครัวและคนใกล้ชิด 10-17 คน สสส.จึงสนับสนุนเครือข่ายภาคประชาสังคมในการรณรงค์ให้เกิดความตระหนัก “พนันเป็นสิ่งเสพติด” ส่งเสริมการเรียนรู้แก่เด็กเยาวชนให้มีทักษะการปฏิเสธหากถูกชวนพนัน และสนับสนุนให้มีการพัฒนาบริการให้คำปรึกษาผู้มีปัญหาพนัน ผ่านไลน์แอพพลิเคชั่น โดยแอดไลน์ระบายสายพนัน พิมพ์ @rabaisaipanun ซึ่งสามารถเข้าถึงได้ง่าย นอกจากนี้ยังสนับสนุนการวิจัยเพื่อพัฒนาหลักสูตรอบรมบุคลากรภาคสังคมในพื้นที่ต่าง ๆ ให้สามารถเป็นผู้ให้คำปรึกษาปัญหาพนันได้ เพื่อให้เกิดหน่วยบริการใกล้บ้านที่เข้าถึงได้สะดวก และช่วยแบ่งเบาภาระของหน่วยบริการหลัก รวมถึงสนับสนุนให้มีนโยบายและมาตรการที่ควบคุม ป้องกัน และลดปัญหาที่เกิดจากการพนัน